InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุด ขณะที่นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเก็งกำไรเข้าตลาด หลังราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนักก่อนหน้านี้
ณ เวลา 18.29 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 183 จุด หรือ 0.56% สู่ระดับ 32,687 จุด
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อทางเทคนิค หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว และมีแนวโน้มปรับตัวลงติดต่อกัน 3 ไตรมาส เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ในวันพฤหัสบดี และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์
นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งสุดท้ายในปีนี้ แม้ว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 79.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 57.7% เมื่อเดือนที่แล้ว
ในการกล่าวถ้อยแถลงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ต.ค. นายพาวเวลส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และย้ำว่าตลาดแรงงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องชะลอตัวลงเพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ
"เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และข้อมูลที่ดีเกี่ยวกับเงินเฟ้อในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับการสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงอย่างยั่งยืนไปสู่เป้าหมายของเรา""หนทางข้างหน้าอาจจะไม่ราบรื่น และต้องใช้เวลานาน ผมและเจ้าหน้าเฟดเห็นพ้องกันต่อพันธกรณีในการควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงอย่างยั่งยืนสู่ระดับ 2% ซึ่งการที่เฟดจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นที่เศรษฐกิจจะต้องมีการขยายตัวต่ำกว่าแนวโน้ม และตลาดแรงงานจะต้องชะลอตัวลง" นายพาวเวลกล่าวในการประชุมที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York)