InfoQuest - ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (14 มี.ค.) โดยเป็นการปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังเกิดวิกฤต SVB ด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,637.11 จุด เพิ่มขึ้น 88.48 จุด หรือ +1.17% หลังร่วงลงวันเดียวหนักที่สุด 2.6% ในรอบกว่า 8 เดือน
หุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษฟื้นตัวตามหุ้นสหรัฐ ขณะที่การขยายตัวของเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ชะลอลงนั้นทำให้นักลงทุนเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลงในสัปดาห์หน้า
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่ง 1.8% หลังจากดิ่งลง 4.9% จากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของ SVB ที่จะเกิดกับธนาคารสาขาในอังกฤษ
การเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการขยายตัวของค่าจ้างในอังกฤษชะลอลงในรอบ 3 เดือนจนถึงเดือนม.ค. ทำให้นักลงทุนคาดว่ามีโอกาส 40% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้าหลังการล้มละลายของ SVB
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นโรลส์-รอยซ์ พุ่งขึ้น 7% จากแผนการสร้างเรือดำน้ำโจมตีที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ให้กับออสเตรเลีย
หุ้นกลุ่มสายการบิน อาทิ วิซซ์ แอร์และอีซี่เจ็ต พุ่ง 7.3% และ 4.5% ตามลำดับ หลังเจพีมอร์แกนและซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มแนวโน้มอุปสงค์การเดินทางในยุโรป
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจในขณะนี้ไปที่การเปิดเผยงบประมาณของอังกฤษในวันพุธนี้