Steven B. Klinsky ผู้อํานวยการของ New Mountain Finance Corp (แนสแด็ก:NMFC) เพิ่งซื้อหุ้นในบริษัทมูลค่าประมาณ 399,435 ดอลลาร์ การซื้อเกิดขึ้นในช่วงสองวัน โดย Klinsky ซื้อหุ้น 22,420 หุ้นในราคาตั้งแต่ 11.7416 ถึง 11.7422 ดอลลาร์ต่อหุ้น ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่า 1.28 พันล้านดอลลาร์ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 11.6% และคงการจ่ายเงินปันผลเป็นเวลา 14 ปีติดต่อกัน
ธุรกรรมเหล่านี้บันทึกเมื่อวันที่ 5 และ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2024 ทําผ่านทรัสต์และบัญชีส่วนตัวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคลินสกี การเข้าซื้อกิจการได้เพิ่มความเป็นเจ้าของทางอ้อมของเขาในบริษัท ตามที่ระบุไว้ในการยื่นต่อ SEC ล่าสุด
เชิงอรรถในการยื่นฟ้องระบุว่าหุ้นถูกซื้อโดยทรัสต์และสมาชิกในครอบครัว โดยคลินสกีปฏิเสธความเป็นเจ้าของผลประโยชน์ ยกเว้นในกรณีที่เขามีผลประโยชน์ทางการเงิน การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์นี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องในการเติบโตและผลการดําเนินงานที่มีศักยภาพของ New Mountain Finance Corp
ในข่าวล่าสุดอื่น ๆ New Mountain Finance Corporation (NMFC) รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่แข็งแกร่ง แซงหน้าเงินปันผลปกติด้วยรายได้จากการลงทุนสุทธิที่ปรับปรุงแล้วที่ 0.34 ดอลลาร์ต่อหุ้น มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหุ้นของบริษัทลดลงเล็กน้อยเป็น 12.62 ดอลลาร์ แต่มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติม 0.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งมีกําหนดการจ่ายเงินสิ้นเดือนธันวาคม พอร์ตโฟลิโอของ NMFC ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว คาดว่าจะทํางานได้ดีเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ฝ่ายบริหารของบริษัทแสดงการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตลาดสินเชื่อโดยตรงและกิจกรรมการควบรวมกิจการในช่วงต้นปี 2025
NMFC ยังวางแผนที่จะลดความเสี่ยง Payment-in-Kind (PIK) ในปี 2025 โดยแทนที่การชําระคืน PIK ด้วยสินทรัพย์ที่เน้นเงินสดใหม่ ผลการดําเนินงานด้านสินเชื่อที่แข็งแกร่งของบริษัทแสดงให้เห็นจาก 97.3% ของพอร์ตโฟลิโอที่ได้รับการจัดอันดับสีเขียว และนับตั้งแต่การเสนอขายหุ้น IPO NMFC ได้คืนทุนให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ตอยู่ที่ 10.5% โดยมี EBITDA ถ่วงน้ําหนักเฉลี่ยที่แข็งแกร่งที่ 189 ล้านดอลลาร์ในหมู่ผู้กู้
แนวโน้มในอนาคตของบริษัทคาดว่าจะมีโอกาสในการปรับใช้เงินทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมการควบรวมกิจการ ฝ่ายบริหารถือหุ้นประมาณ 12% ของบริษัท ซึ่งบ่งชี้ถึงความสอดคล้องกับผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น นี่คือการพัฒนาล่าสุดที่นักลงทุนควรพิจารณาในการตัดสินใจลงทุน
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน