โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในเช้าวันจันทร์ในเอเชีย เริ่มต้นสัปดาห์อย่างแข็งแกร่งด้วยสัญญาณว่าตลาดน้ำมันดิบกำลังตึงตัวจากวิกฤตพลังงานทั่วโลก
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.20% เป็น 78.16 ดอลลาร์ ในเวลา 22:36 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (2:36 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.27% เป็น 74.92 ดอลลาร์ ทั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ Brent และ WTI อยู่เหนือเครื่องหมาย $75 โดยก่อนหน้านี้แตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018
ทั้ง สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา (American Petroleum Institute) และ สำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (U.S. Energy Information Administration-EIA) รายงานว่าอุปทานน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในช่วงสัปดาห์ก่อน โดยน้ำมันในคลังใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสามปี การวิ่งขึ้นของราคา ก๊าซธรรมชาติ ก็มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นความต้องการของน้ำมันเช่นกัน เนื่องจากผู้บริโภคเปลี่ยนเชื้อเพลิงในการใช้งาน
น้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่า 80% ในปี 2564 เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกฟื้นตัวจากการหยุดชะงักของ COVID-19 องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ได้ผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกอย่างช้า ๆ ส่งผลให้อุปทานตึงตัวในตลาด
นอกจากนี้ พายุเฮอริเคนไอดาและนิโคลัสยังส่งผลกระทบต่อการผลิตในสหรัฐฯ ภูมิภาคอ่าวเม็กซิโกเมื่อเข้ากระทบชายฝั่งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมและกันยายนตามลำดับ
ไตรมาสที่สี่และฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามา นักลงทุนบางคนคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้นอีก Goldman Sachs Group Inc. (NYSE:GS) กล่าวว่าตลาดขาดดุลมากกว่าที่คาดไว้ และทำให้การคาดการณ์ของน้ำมันเบรนท์ สิ้นปีเพิ่มขึ้น 10 ดอลลาร์เป็น 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปัจจัยเหล่านี้ยังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกในหมู่นักลงทุน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์มีโอกาสขยายตัวถึง 85 เซนต์ต่อบาร์เรล หลังเพิ่มขึ้นจาก 61 เซนต์ในสัปดาห์ที่แล้ว