Investing.com - Goldman Sachs คาดการณ์ว่าภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ การเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะจากจีน อาจทำให้เงินเฟ้อไม่สามารถกลับสู่เป้าหมาย 2% ต่อปีของธนาคารกลางสหรัฐได้ทันในปี 2025
บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ระบุว่าข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดแสดงให้เห็นว่าแรงกดดันเงินเฟ้อยังคงชะลอตัว และเงินเฟ้อคาดว่าจะปรับลดลงต่อไปในช่วงที่เหลือของปี 2024
อัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ คาดว่าจะลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 0.16% ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี 2024 ตามรายงานของ Goldman Sachs
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็เตือนว่าการเพิ่มภาษีอาจทำให้การกลับสู่เป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ล่าช้าไปในปี 2025
“เราคาดว่านโยบายภาษีนำเข้าของจีนและรถยนต์ซึ่งมันจะเพิ่มอัตราภาษีที่มีผลกระทบขึ้น 3-4 จุดเปอร์เซ็นต์ (pp) ซึ่งเราประเมินว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อ Core PCE เพิ่มขึ้นราว 0.3-0.4 จุดเปอร์เซ็นต์ในปีหน้า และอยู่ที่ 2.4% ในเดือนธันวาคม 2025” นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ระบุในบันทึก
ทั้งนี้ พวกเขายังเสริมว่าเงินเฟ้อที่เกิดจากภาษีมีแนวโน้มที่จะเป็นการเพิ่มขึ้นเพียงครั้งเดียว และจะไม่ขัดขวางแนวโน้มการลดลงของเงินเฟ้อ
หากไม่นับผลกระทบจากภาษี Goldman Sachs คาดว่าอัตราเงินเฟ้อ Core CPI จะลดลงจาก 3.2% ในเดือนธันวาคม 2024 มาอยู่ที่ 2.4% ต่อปีในเดือนธันวาคม 2025 ท่ามกลางต้นทุนที่อยู่อาศัยและการขนส่งที่ลดลง
บริษัทระบุว่ามาตรวัดเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาได้ลดลง และตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงในช่วงต้นปีนี้ดูเหมือนจะเป็นผลมาจากปัจจัยฤดูกาลที่ตกค้างมากกว่าการเร่งตัวของเงินเฟ้อ
ความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ขู่ว่าจะเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรต่อหลายประเทศ รวมถึงกลุ่ม BRICS กับ แคนาดา และเม็กซิโก
ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั้งหมดในสหรัฐเพิ่มขึ้น 10% และเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 60%
ประธานาธิบดีที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการลดหย่อนภาษีให้กับบริษัทและใช้นโยบายขยายเศรษฐกิจในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลต่อเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว