โดย Peter Nurse
Investing.com - ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งแรกของวันนี้ที่ฝั่งยุโรป หลังจากการเทขายหุ้นอย่างฉับพลันในตลาดสหรัฐได้กระตุ้นให้ผู้ลงทุนขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงและจึงเป็นแรงหนุนแก่เงินดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อเวลา 3:00 น.ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (0700 GMT) ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐดีดขึ้น 0.1% เมื่อเวลา 93.562 โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเพียงไม่ถึง 1% ไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระยะเวลานานกว่าสองปีที่ลงไปแตะเมื่อต้นเดือนนี้
Moh Siong Sim นักวิเคราะห์จาก Bank of Singapore ได้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์สว่า "การเทขายหุ้นเทคโนโลยีได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาด และจึงทำให้ผู้ลงทุนเกิดความกังวลว่าการเทขายครั้งนี้ส่งสัญญาณถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบอย่างเป็นวงกว้างหรือไม่"
EUR/USD ย่อตัวลง 0.1% เท่ากับ 1.1768 ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากระดับ 1.20 ที่ขึ้นไปแตะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารกลางยุโรป นายฟิลิป เลน ได้ออกมากล่าวว่าอัตราการแลกเปลี่ยนนั้นสำคัญต่อนโยบายทางการเงิน
ดังนั้นการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้จึงน่าจะได้รับความสนใจอย่างมาก และผู้ลงทุนจะจับตาการหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับค่าเงินยูโรซึ่งยังคงแข็งค่าขึ้นถึง 10% นับตั้งแต่การล็อกดาวน์ในมีนาคมแม้จะย่อตัวลงมาแล้วบางส่วนก็ตาม
ทางด้านการเจรจาข้อตกลงทางการค้าเกี่ยวกับ Brexit ก็เป็นแรงกดดันสำคัญที่ทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม คู่ GBP/USD ย่อตัวลง 0.4% เท่ากับ $1.2939 ส่วนคู่ EUR/GBP ปรับตัวขึ้น 0.3% สู่ระดับ 0.9093