สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้นมากว่า $1 ต่อบาร์เรลในวันนี้หลังจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ได้ตกลงกันว่าจะลดกำลังการผลิตในปริมาณมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ขาขึ้นยังคงมีแรงกดดันจากความกังวลว่าการลดกำลังการผลิตครั้งนี้อาจไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาวะอุปทานเกินเนื่องด้วยผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
หลังจากการเจรจากันระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) รวมทั้งรัสเซียและประเทศผู้ผลิตรายอื่นซึ่งรู้จักกันในนามกลุ่ม OPEC+ ได้ผ่านไปสี่วัน และในที่สุดก็ได้มีการตกลงกันเมื่อวานนี้ว่าจะมีการลดการผลิตน้ำมันในอัตรา 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) เพื่อหนุนราคาน้ำมัน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของกำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลก
ทว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของคูเวตชี้ว่า การลดกำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 20 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือประมาณ 20% ของปริมาณการผลิตทั่วโลกก็เป็นได้
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ (LCOc1) เพิ่มขึ้น $1.23 หรือคิดเป็น 3.9% เท่ากับ $32.71 ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 0058 GMT หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดของ $33.99 ส่วนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าล่วงหน้าเวสท์เท็กซัส (WTI) (CLc1) ของสหรัฐสูงขึ้น 1.39 ดอลลาร์หรือ 6.1% เท่ากับ $24.15 ต่อบาร์เรลหลังจากที่พุ่งขึ้นสูงสุดถึง $24.74
Daniel Yergin รองประธาน IHS Markit ได้ให้ความคิดเห็นไว้ว่า "ข้อตกลงนี้จะช่วยให้อุตสาหกรรมน้ำมันโลกและเศรษฐกิจของประเทศและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งพาตลาดน้ำมันพ้นภาวะวิกฤต"
"ข้อตกลงนี้จะช่วยลดปริมาณสินค้าน้ำมันดิบคงคลัง และจะลดแรงกดดันต่อราคาน้ำมันเมื่อกลับคืนสู่ภาวะปกติไม่ว่าจะอีกนานเพียงใดก็ตาม"