โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคมมีดังต่อไปนี้
1. โลกทั้งใบเป็นของกลุ่มหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่
กลุ่มหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ได้รายงานผลประกอบการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐออกมาทรุดตัวลงอย่างหนัก
Apple (NASDAQ:AAPL), Facebook และ Amazon ต่างก็มีผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาสล่าสุด มีเพียงผลประกอบการของ Alphabet เท่านั้นที่แสดงให้เห็นผลกระทบจากการระบาดเนื่องจากรายได้ลดลงเป็นครั้งแรก
Dan Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush ได้กล่าวไว้ว่า “ขณะนี้โลกทั้งใบเป็นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ แม้ทุกคนยังคงต้องจ่ายค่าเช่ากันต่อไป”
2. ตัวเลข GDP ยุโรปย่ำแย่
วันนี้ถึงเวลาของฝั่งยุโรปที่ได้การรายงานตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำไตรมาสที่สองของปี 2020 โดย GDP ของยูโรโซนหดตัวลงถึง 12.1% มากกว่าที่คาดไว้ 11.2%
ประเทศที่เศรษฐกิจทรุดตัวลงหนักที่สุดได้แก่สเปนซึ่ง GDP ดิ่งลง 18.5% ส่วน GDP ฝรั่งเศสทรุดตัวลง 13.8% และอิตาลีทรุดตัวลง 12.4% โดยอิตาลีเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในยุโรป ทว่าอิตาลีก็เป็นประเทศแรกที่ประกาศล็อกดาวน์เช่นกัน
ในทางกลับกัน ยอดการค้าปลีกเยอรมนีและรายจ่ายผู้บริโภคฝรั่งเศสประจำเดือนมิถุนายนต่างก็ออกมาดีเกินคาด แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส
3. ตลาดหุ้นเตรียมปรับตัวขึ้น ดัชนี Nasdaq โดดเด่น
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมปรับตัวขึ้น โดยสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq ล่วงหน้าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมหลังการรายงานผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลังเวลาตลาดปิดเมื่อวานนี้
เมื่อเวลา 6:40 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1040 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี US 30 ล่วงหน้า ขยับขึ้น 52 จุดหรือ 0.2% สัญญาซื้อขายดัชนี US 500 ล่วงหน้า ดีดขึ้น 0.2% และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ดีดขึ้น 0.9%
นอกจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันต่าง ๆ แล้ว (ดูรายชื่อด้านล่าง) จะมีการรายงานผลประกอบการของ Merck, AbbVie, Charter Communications, Colgate-Palmolive และ Caterpillar ก่อนเวลาตลาดเปิดด้วย
4. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2018
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2018 เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มลดลง
อ้างอิงจากคำกล่าวของเสนาธิการประจำทำเนียบขาว นายมาร์ค มีโดวส์ ระบุว่า ความล้มเหลวของคณะส.ส.ในการสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งต่อไป หมายความว่าจะเกิดการเว้นช่วงระหว่างการจ่ายเงินเพื่อเยียวยาผู้ว่างงาน
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ไม่เพียงแต่จะกระทบการใช้จ่ายของประชาชน 30 ล้านคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน แต่จะสร้างความหวาดหวั่นต่อการว่างงานในอนาคตสำหรับผู้ที่ยังมีงานทำ และจึงทำให้บุคคลเหล่านั้นลดการใช้จ่ายตามไปด้วย
5. การรายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตน้ำมัน
Exxon Mobil และ Chevron จะรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่สองที่เกิดปรากฎการณ์ราคาน้ำมันติดลบ
เมื่อวานนี้ ConocoPhilips ได้เผยผลประกอบการที่ขาดทุนเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากราคาน้ำมันและกำลังการผลิตที่ลดลง แต่ขณะเดียวกันทางบริษัทก็ได้แย้มด้วยว่าจะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนกันยายน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐขยับขึ้น 0.4% เท่ากับ $40.09 ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาเบรนท์ดีดขึ้น 0.3% เท่า $43.38 ต่อบาร์เรล