โดย Ambar Warrick
Investing.com-- สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวเล็กน้อยในวันอังคาร ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากเทรดเดอร์ระมัดระวังการซื้อขายก่อนข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะกำหนดทิศทางของนโยบายการเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ตลาดรอคอยบทสรุปของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะกินเวลาประชุมถึง 2 วัน โดยธนาคารกลางกำหนดให้มีการ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ขนาดค่อนข้างเล็กที่ 50 จุดพื้นฐาน (bps) ในวันพุธ แต่สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
ความกลัวต่อความเสี่ยงยังคงมีอยู่ในตลาด โดยสกุลเงินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลงมากขึ้น เปโซฟิลิปปินส์ และ ริงกิตมาเลเซีย ลดลงอย่างละ 0.5% ขณะที่ รูเปียห์อินโดนีเซีย ลดลง 0.3%
หยวนจีน และ เยนญี่ปุ่น เคลื่อนไหวน้อยกว่า 0.1% ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยตลาดยังรอรายงานทางเศรษฐกิจจากทั้งสองประเทศในสัปดาห์นี้ ข้อมูลจากจีนอย่าง การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ ดัชนียอดขายปลีก และ ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะแสดงผลการสรุปผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มาจากการล็อกดาวน์โควิด19 เพิ่มเติม แม้ว่าประเทศจะเริ่มลดข้อจำกัดหลายประการลงแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ คาดว่า ดัชนีการค้า ของญี่ปุ่นจะเน้นย้ำถึงแรงกดดันอย่างต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า แม้ว่าเสถียรภาพในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์คาดว่าจะช่วยลดการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น
รูปีอินเดีย เคลื่อนไหวเล็กน้อยในวันอังคาร หลังจากร่วงไป 0.3% ในช่วงก่อนหน้านี้ ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค ผ่อนคลายลงอีกในประเทศในเดือนพฤศจิกายน ทำให้มีแนวโน้มว่าธนาคารกลางอินเดียจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าลง
ดัชนีดอลลาร์ และ ดัชนีดอลลาร์ฟิวเจอร์ส ร่วงลง 0.1% สู่ระดับต่ำกว่า 105 จุด โดยนักลงทุนกำลังรอ ดัชนีราคาผู้บริโภค ของสหรัฐฯ สำหรับเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่คาดว่าข้อมูลจะแสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคผ่อนคลายลงอีกในเดือนนี้ แต่การเพิ่มขึ้นใด ๆ ที่เหนือความคาดหมายอาจทำให้ตลาดสั่นคลอนด้วยความกลัวว่าเฟดจะดำเนินการนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น
ข้อมูล ดัชนีราคาผู้ผลิต สำหรับเดือนพฤศจิกายนก็ผ่อนคลายลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการอ่านค่า CPI ที่น่าจะแข็งแกร่ง
ในขณะที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลงในปี 2023 เจ้าหน้าที่ยังเตือนด้วยว่าอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ยอมลงจะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งสูงสุดในระดับที่สูงกว่าที่คาดไว้
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลลบสำหรับสกุลเงินเอเชีย เนื่องจากสกุลเงินเอเชียต่าง ๆ ลดลงอย่างรวดเร็วในปีนี้จากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ สูงขึ้น