โดย Ambar Warrick
Investing.com – ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ ในวันจันทร์ โดยได้ประโยชน์จากค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลงท่ามกลางวิกฤตพลังงานที่เลวร้ายมากขึ้น ในขณะที่นักลงทุนยังคงเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ ได้เพิ่มขึ้นมากถึง 0.5% เป็น 110.03 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2002 และ ดัชนีดอลลาร์ฟิวเจอร์ส ก็เพิ่มขึ้นในช่วงที่คล้ายกัน
เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ ยูโร ในวันจันทร์ หลังจากที่รัสเซียปิดท่อส่งก๊าซหลักไปยังยุโรป ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนพลังงานอย่างรุนแรงในกลุ่ม
เงินยูโรร่วงลง 0.3% และซื้อขายล่าสุดต่ำกว่า 1 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่ออกมาดีเกินคาดในวันศุกร์ ซึ่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาาสมากขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่การเติบโตของค่าจ้างนั้นชะลอตัวและการว่างงานก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด นักลงทุนยังคงมั่นใจว่าความตึงตัวของตลาดงานจะทำให้ธนาคารกลางมีแรงผลักดันมากพอที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในเดือนกันยายน
นักลงทุนเชื่อว่ามี โอกาส 57% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดพื้นฐานในเดือนนี้ โดยธนาคารกลางได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสี่ครั้งในปีนี้ เนื่องจากต้องต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี
มีสัญญาณจาก เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดในเดือนสิงหาคมที่ชี้ให้เห็นว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะเห็นว่าระดับของเงินเฟ้อจะยังคงอยู่สูง ซึ่งทำให้ธนาคารกลางมีความจำเป็นที่ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าอัตราดอกเบี้ยสิ้นปีนี้จะอยู่สูงกว่า 3%
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ได้กดดันสกุลเงินอื่น ๆ มากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากช่องว่างระหว่างผลตอบแทนสหรัฐฯ และที่อื่น ๆ แคบลง
สกุลเงินต่าง ๆ เช่น ยูโรและ เยนญี่ปุ่น เป็นสกุลเงินที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ต่างลังเลใจที่จะปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น
ค่าเงินบาท เปิดตลาดช่วงเช้าซื้อขายอยู่ที่ 36.810 บาทต่อดอลลาร์ นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้อยู่ที่ 36.35-36.95 บาท/ดอลลาร์