โดย Peter Nurse
Investing.com – ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นในช่วงเช้าของการซื้อขายในยุโรปวันนี้ โดยได้ประโยชน์จากการเป็นสินทรัพท์ปลอดภัย ในขณะที่เงินหยวนของจีนอ่อนค่าลงหลังจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังจากประเทศจีนได้กระตุ้นให้ธนาคารกลางของประเทศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
เมื่อเวลา 03:10 น. ET (07:10 GMT) ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งติดตามดอลลาร์เทียบกับกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ อีก 6 สกุล ซื้อขายสูงขึ้น 0.2% เป็น 105.750 ใกล้ช่วงกลางของช่วงการซื้อขายล่าสุด
ข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกพยายามดำเนินการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตหลังจากได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวดในไตรมาสที่สอง
ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน เพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนกรกฎาคมจากปีก่อนหน้า โดยมีอัตราการเติบโตต่ำกว่าที่คาดไว้ 4.6% ในขณะที่ ดัชนียอดขายปลีก เพิ่มขึ้น 2.7% จากปีก่อน โดยตัวเลขการเติบโตที่คาดการณ์อยู่ที่ 5.0% และต่ำกว่าตัวเลขที่บันทึกได้ 3.1% ในเดือนมิถุนายน
ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางระยะเวลา 1 ปีลง 10 จุดพื้นฐาน เป็น 2.75% ส่งผลให้ USD/CNY พุ่งขึ้น 0.3% เป็น 6.7600
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากประเทศจีน AUD/USD ลดลง 0.5% เป็น 0.7084 ในขณะที่ NZD/USD ลดลง 0.6% เป็น 0.6411
แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงนั้นมากพอที่จะกระตุ้นให้ธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่การถกเถียงในสหรัฐฯ ก็มีโอกาสที่ เฟด จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป
ด้านข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้นักลงทุนหวังว่าธนาคารกลางจะผ่อนคลายนโยบายการเงินในเชิงรุก แม้ว่าจะมีผู้กำหนดนโยบายของเฟดจำนวนหนึ่งที่ยังคงมุ่งมั่นกับการคงนโยบายการเงินเชิงรุกต่อไป
ซึ่งทำให้นักลงทุนพุ่งความสนใจไปที่ รายงานการประชุม ของเฟดในเดือนกรกฎาคมที่จะเปิดเผยในวันพุธนี้ ในขณะที่รายงานข้อมูล ดัชนียอดขายปลีก ของสหรัฐฯ ที่จะได้รับการเปิดเผยในวันศุกร์นี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับสภาพเศรษฐกิจล่าสุด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นในวันจันทร์ แต่นักเก็งกำไรปรับลดสถานะการถือครองระยะยาวในดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์
ข้อมูลอื่น ๆ EUR/USD ลดลง 0.2% เป็น 1.0237 โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลด้านวิกฤตพลังงานของทวีป เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปจะทำให้ยูโรโซนเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงปลายปีหรือต้นปี 2023
GBP/USD ลดลง 0.2% เป็น 1.2103 ขณะที่ USD/JPY ลดลง 0.1% เป็น 133.36
ค่าเงินบาท USD/THB กลับมาอ่อนค่าอีกครั้งหลังดอลลาร์ฟื้นตัว อยู่ที่ 35.460 บาทต่อดอลลาร์