โดย Peter Nurse
Investing.com – ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในการซื้อขายช่วงต้นของยุโรปเมื่อวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น และแข็งค่าขึ้นก่อนการเปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคล่าสุด ซึ่งน่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกนโยบายกระชับการเงินได้เร็วขึ้น
เวลา 3:55 น ET (0755 GMT) ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งติดตามดอลลาร์เทียบกับกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ อีก 6 สกุล ซื้อขายสูงขึ้น 0.2% ที่ 100.155 ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีของสัปดาห์ที่แล้วที่ 100.19.
ค่าเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนในช่วงปลายเดือนมีนาคมจากการคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้นอีก หลังจากปรับอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานขึ้น 25 จุดในเดือนมีนาคม แต่จะปรับขึ้นในอัตราที่รวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูง
ส่งผลให้พันธบัตรอายุ 10ปี เพิ่มขึ้นเป็น 2.836% ก่อนหน้านี้ในเซสชั่น ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 ก่อนที่จะทรงตัว หากการซื้อขายล่วงหน้าในวันอังคารไม่มีการเปลี่ยนแปลง นี่จะถือว่าเป็นการทำกำไรของพันธบัตรผลตอบแทนมาตรฐาน 8 เซสชั่นที่ต่อเนื่องกัน
การคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้น่าจะได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลล่าสุดจาก ราคาผู้บริโภค เมื่อเวลา 8:30 GMT (1230 GMT) ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลในเดือนมีนาคมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 7.9% ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่ตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.6% ต่อปี และ 0.5%
ที่น่าสนใจคือความคิดเห็นจาก ลาเอล เบรนาร์ด ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งรองประธานเฟดที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้กล่าวว่าเฟดสามารถเริ่มลดงบดุลได้โดยเร็วที่สุดในเดือนพฤษภาคม
USD/JPY เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ 125.72 ใกล้จุดสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2015 ที่ 125.86 ในขณะที่การเคลื่อนตัวผ่านระดับนั้นจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับเงินเยนนับตั้งแต่ปี 2002
ในขณะที่ความคาดหวังอยางแรงกล้าว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างจริงจังในปีนี้ ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงหลายครั้งเพื่อรักษาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไว้ที่ระดับศูนย์
USD/CNY ปรับลดลงเล็กน้อยที่ 6.3680 อ่อนตัวลงหลังจากก่อนหน้านี้แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการผ่อนคลายข้อจำกัดบางประการเกี่ยวกับมาตรการโควิดในเซี่ยงไฮ้
เจฟฟรีย์ ฮัลลีย์ นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าวว่า ตัวตลาดเอเชียเองอาจถูกทำให้ทำให้การเติบโตของจีนชะลอตัวลงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ สูงขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันที่ลดลงเล็กน้อยไม่ได้ช่วยชดเชย “เราสามารถคาดหวังให้ค่าเงินเอเชียอ่อนค่าลงในอนาคตได้ เนื่องจากธนาคารกลางของภูมิภาคปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น ความกดดันเหล่านั้นอาจเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมเนื่องจาก FOMC ะเริ่มทำงานจริงจังขึ้น”
EUR/USD ลดลง 0.2% มาที่ 1.0867 ทำกำไรบางส่วนคืนหลังจาก เอ็มมานูเอล มาครงชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกเอาชนะผู้ท้าชิงมารีน เลอ แปง
สกุลเงินยูโรยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสงครามในยูเครน โดยการคว่ำบาตรรัสเซียซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และทำให้เงินเฟ้อ
ธนาคารกลางยุโรป จะประชุมกันในวันพฤหัสบดีโดยพวกเขาเผชิญกับความท้าทายในการรักษาสมดุลของราคาผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้น โดย CPI ของเยอรมนี พุ่งขึ้นเป็น 7.3% ในเดือนมี.คโดยมีแรงกดดันจากข้อพิพาทในยูเครน
GBP/USD ร่วงลง 0.2% เป็น 1.3009 แม้ว่า อัตราการว่างงานของสหราชอาณาจักร จะลดลงมาที่ 3.8% ในช่วงสามเดือนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงจากการอ่านก่อนหน้าที่ 3.9% และต่ำกว่าระดับ 4.0% ในต้นปี 2020 ไม่นานก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด19 เป็นครั้งแรกในยุโรป