โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com - ตลาดหุ้นไทย (SET) วันนี้ กูรูชี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งวันที่ตลาดหุ้นไทย แกว่งตัวซึมถึงพักตัว ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เพราะอยู่ในช่วงคาบเกี่ยววันหยุด โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหววันนี้อยู่ระหว่าง 1,535/1,540-1,550 จุด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นจีน-ฮ่องกง เคลื่อนไหว Underperform ตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากปัจจัยลบเฉพาะตัว จากความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ (Regu latory Risk) ที่ภาครัฐ เพิ่มความเข้มงวด โดยเฉพาะกลุ่มการศึกษา และประเด็นนี้ ยังส่งผลกระทบเชิง Sentiment ต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ทำให้ราคาปรับตัวลงค่อนข้างแรงด้วยเช่นกัน
นายณัฐพล ชี้ว่า วันนี้ สิ่งที่จะต้องจับตาคือการเปิดเผยประมาณการ GDP โลกโดย IMF หลังจากเมื่อเดือน เม.ย. IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP โลก จาก 5.5% เป็น 6.0% หนุนด้วยเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดโต 6.4% จากเมื่อเดือน ม.ค. คาด +5.1% และวันพรุ่งนี้ ติดตามการประชุม Fed ซึ่งคาดว่า ยังไม่มีการปรับนโยบายการเงินในรอบนี้
นอกจากนี้ ประเด็นที่สำคัญ คือ มุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 สายพันธุ์ Delta เพิ่มจำนวนมากขึ้น จะส่งผลกระทบให้การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอความร้อนแรงลงหรือไม่
สำหรับหุ้นเด่นในวันนี้มี 4 ตัวด้วยกัน นำโดย TAPACm คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2564 (พ.ค.-ก.ค. 64) ที่ 35-40 ล้านบาท จากความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เร่งตัว โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ความต้องการพุ่งขึ้นเพื่อรองรับมหกรรมโอลิมปิก ขณะที่ ธุรกิจอสังหาฯในสวีเดนก็เร่งขึ้นอีกครั้ง หลัง COVID-19 คลายตัว โดยมี Backlog สูงถึง 7.5 พันล้านบาท คาดกำไรสุทธิสุทธิของงบปี 2564 ที่ 110-120 ล้านบาท จากขาดทุน -47 ล้านบาทในงบปี 2563ซื้อขายบน PBV ที่ 1.5 เท่า และ PER2564 ที่ 14 เท่า ถูกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.5 เท่า และ 25 เท่า ตามลำดับ
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ GUNKUL โดยคาดว่า กำไรปกติไตรมาส 2 ปีงบ 2564 อยู่ที่ 407 ล้านบาท เติบโต +28% ในช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา จากรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังลมเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และโรงไฟฟ้าโซลาร์ในเวียดนามเพิ่มขึ้น 100MW ในไตรมาส 2 ปี 2564 ขณะที่แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3 ปี 2564 นอกจากนี้ ธุรกิจกัญชงคาดได้ใบอนุญาตปลูกในเดือน ต.ค.2564 และคาดว่าจะได้ใบอนุญาตโรงสกัดภายในไตรมาส 1 ปี 2565
BCPG เป็นหุ้นเด่นอีกตัว เราคาดกำไรปกติไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ 509 ล้านบาท เติบโต +35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และ +4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา จากแรงหนุนของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว หนุนรายได้เติบโต +14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และ +6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมาเป็น 1.1 พันล้านบาท
อีกตัวที่โบรเกอร์แนะนำคือ BBL ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 108.00 บาท แนวรับ 103.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 101.50 บาทจุดเด่นของ BBL คือความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน ที่ระดับ Coverage Ratio สูงถึง 190% และระดับ Tier 1, BIS Ratio ที่ระดับ 15.9% และ 18.4% ตามลำดับสูงกว่าเกณฑ์ของธปท.อยู่มาก ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV เพียง 0.4 เท่า คาดเงินปันผล 1H64 หุ้นละ 2.12 บาท ให้ Yield 2%