โดย Detchana.K
Investing.com - เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.18 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.07 บาทต่อดอลลาร์ กรอบเงินบาทระหว่างวัน 31.10-31.30 บาทต่อดอลลาร์ USD/THB
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า ตลาดการเงินสหรัฐกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกช่วงคืนที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.75% ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี โดยมีราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ฟื้นตัวขึ้นถึงระดับ 43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและราคาทองที่ทยอยปรับตัวขึ้นแต่ระดับ 1970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สวนทางกับดัชนี STOXX 600 ที่ปรับตัวลง 0.35%
ฝั่งตลาดพันธบัตร กลับเป็นบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวลง 4bps มาที่ 0.67% หลัง หนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด นาง Lael Brainard ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง และเฟดเตรียมพร้อมที่จะใช้นโยบายทางการเงินสนับสนุนการฟื้นตัวต่อเนื่อง
ภาพดังกล่าวส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อน โดยมีเงินยูโร (EUR) ขยับขึ้นทดสอบระดับ 1.20 ดอลลาร์ สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 ขณะที่เยนญี่ปุ่น (JPY) ก็ลงมาทดสอบระดับ 105 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ช่วงตุลาคม 2016 มองว่าการอ่อนค่าของดอลลาร์มาถึงระดับเหล่านี้ต้องมีองค์ประกอบอื่น ๆ มาเสริมถึงจะสามารถผ่านไปได้ ในอนาคตจึงต้องจับตาตลาดหุ้นว่าจะสามารถขึ้นต่อ และนโยบายทางการเงินจะยังผ่อนคลายได้หรือไม่ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็สามารถเห็นเงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อได้อีก
ส่วนในฝั่งเงินบาท หลังจากที่แข็งค่าตามสกุลเงินภูมิภาคมาตลอดสัปดาห์ ก็เจอความเสี่ยงการเมืองภายในประเทศกดดันเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลาออกกระทันหัน ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าทันที
แม้เราจะเชื่อว่าความสามารถในการประคองเศรษฐกิจให้ผ่านช่วงวิกฤติไปได้ จำเป็นต้องมีทั้งนโยบายการเงินและการคลังควบคู่กันไป แต่ถึงจะไม่มีตอนนี้ก็อาจแค่ “ลดโอกาสแข็งค่า” แต่ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงการอ่อนค่า เพราะการซื้อขายสินทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติเป็นเพียงองค์ประกอบเสริม และเชื่อว่าประเด็นที่ต้องจับตาจริงในตลาดเงินช่วงนี้ คือที่ทางการฟื้นตัวของการค้าโลก ซึ่งจะหนุนการส่งออกและกดดันให้สกุลเงินเอเชียและบาทแข็งค่า