InfoQuest - ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (13 ธ.ค.) และปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้มากที่สุดในรอบ 1 เดือน หลังจากนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้าลงในปีหน้า ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอังกฤษหดตัวลงเกินคาด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% แตะที่ระดับ 107.003 และดัชนีดอลลาร์เพิ่มขึ้นเกือบ 1% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบหนึ่งเดือน
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะ 153.69 เยนในวันศุกร์ (13 ธ.ค.) จาก 152.54 เยนในวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) , ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 0.8927 ฟรังก์สวิส จาก 0.8914 ฟรังก์สวิส และแข็งค่าแตะ 1.4233 ดอลลาร์แคนาดาจาก 1.4208 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะ 1.0495 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ จาก 1.0473 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2617 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.2670 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนหลังจากมีรายงานว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ข้อมูลจากสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัวตามที่คาดไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ช่วยตอกย้ำการคาดการณ์ของตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ แต่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลงในปี 2568
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า ตลาดคาดเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งถัดไป แต่คาดว่ามีโอกาสเพียง 24% ที่จะมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนม.ค. 2568 โดยเดือนมี.ค.เป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสสูงสุดสำหรับการปรับลดดอกเบี้ยครั้งถัดไป
เยนปรับตัวลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับเยนในสัปดาห์นี้
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาสเพียง 23% ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 19 ธ.ค. หลังมีรายงานว่า BOJ จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรอดูการขยายตัวของค่าจ้างและนโยบายของสหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรหดตัวอย่างไม่คาดคิดในเดือนต.ค. ซึ่งเพิ่มสัญญาณของการชะลอตัวที่มากกว่าที่คาดไว้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัว 0.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ในผลสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 0.1%