หลังจากที่มีการเปิดตัว SET50FF (เป็นดัชนี SET 50 ที่ปรับน้ำหนักของ หุ้นแต่ละตัวตามสัดส่วน FREE FLOAT ของหุ้น) เมื่อ ม.ค.67 ที่ผ่านมา ล่าสุดเห็นความน่าจะเป็นที่ นักลงทุนสถาบันในประเทศมีแนวทางที่จะ ปรับเปลี่ยนตัว BENCHMARK จากเดิมที่ใช้SET50 เป็น SET50FF ใน อนาคต เราได้ลองศึกษาดูผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หากกองทุนรวม ต่างๆ มีการปรับมาใช้ SET50FF ซึ่งอาจต้องมีการปรับพอร์ตให้ สอดคล้องกับน้ำหนักใน SET50FF มากขึ้น หุ้นที่ได้ประโยชน์ ก็จะเป็นหุ้น ที่มีน้ำหนักในดัชนีอ้างอิงมากขึ้นเมื่อเทียบกับ SET50 เดิม เราพบว่า 4 อันดับแรกเป็นกลุ่มธนาคาร เช่น BBL, KBANK (BK:KBANK), TISCO, SCB และยังมี หุ้นที่น่าสนใจอย่าง SCC, WHA, CPALL (BK:CPALL) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่มีน้ำหนัก ลดลงอย่างเช่น ITC, TLI, DELTA, OR เป็นต้น ภาพใหญ่ๆ ของวันนี้ยังอยู่ในภาวะที่ไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งคาดว่า น่าจะทำให้SET INDEX ผันผวนในกรอบ 1438 – 1450 จุด หุ้น สำหรับ หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก BEM, CPALLและ PLANB
เงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาตามคาด เพิ่มโอกาสการลดดอกเบี้ย วานนี้ สหรัฐฯ เผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย. 67 ขยายตัว +2.7%YOY เร่งตัวขึ้น เล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ +2.6%YOY หนุนให้ BOND YIELD สหรัฐฯ อายุ 10Y ดีด ตัวขึ้นมาอยู่ที่ 4.27% และอายุ 2Y อยู่ที่ 4.15% อย่าไรก็ตาม เงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุดที่ อยู่ในระดับเดียวกับตลาดได้คาดการณ์ไว้ หนุนให้ FEDWATCH TOOL เพิ่มน้ำหนัก เกือบ 100% คาด FED ลดดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 4.5% ในการประชุม
ขณะที่ในระยะข้างหน้ายังต้องระวังความกังวล INVERT YIELD CURVE หลัง BOND YIED สหรัฐฯ อายุ 2Y ดีดตัวขึ้นมาใกล้จะสูงกว่าอายุ10Y แล้ว ซึ่งผลตอบแทนของ BOND YIELD ระยะสั้นที่สูงกว่าระยะยาว จะสะท้อนถึงความกลัวเรื่องเศรษฐกิจ RECESSION ได้
สรุป เงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุด แม้จะเร่งตัวขึ้น แต่อยู่ในระดับที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้ แล้ว เพิ่มความหวังว่าจะเห็น FED ลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมรอบวันที่ 18 ธ.ค. นี้ ขณะที่ระยะข้างหน้ายังต้องเริ่มระวังความกังวลเรื่อง RECESSION โดยสังเกตจาก BOND YIED สหรัฐฯ 2Y ดีดตัวขึ้นมาใกล้จะสูงกว่า 10Y แล้ว
ปัจจัยในประเทศยังดูดี หุ้นอะไรน้า ... ที่น่าจะได้ประโยชน์ วานนี้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้เผยแพร่รายงานประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย หดตัวลงจากการประมาณการครั้งก่อน (ก.ย.67) จากการเร่งปรับเปลี่ยนนโยบาย การค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนประเทศไทยแม้ได้รับ ผลกระทบดังกล่าวเช่นกัน แต่คาดหวังมาตรการกระตุ้นช่วงปลายปี บวกกับอัตราเงิน เฟ้อที่ทยอยเพิ่มขึ้น สะท้อนเศรษฐกิจภายในประเทศกำลังฟื้นตัว จึงทำให้ ADB ได้รับ เพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยในปีนี้ จาก เดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.3% เพิ่มขึ้นเป็น 2.6% และคงตัวเลขคาดการณ์ GDP ของ ไทยในปี 2568 ไว้ที่ระดับเดิมที่ 2.7%
ส่วนการประชุม ครม.วานนี้มีความคืบหน้าในหลายประเด็น เริ่มจาก โครงการแก้หนี้ ครัวเรือน โดยการลดจ่ายค่างวดเว้นดอก 3 ปีสำหรับ 3 กลุ่ม คือ บ้าน-รถ-เอสเอ็มอี รวมช่วยลูกหนี้ 1.9 ล้านราย วงเงินรวม 8.9 แสนล้านบาท เพื่อเป้าหมายทำให้หนี้ ครัวเรือน/ GDP ต่ำกว่าระดับ 80% และหวังดัน GDP GROWTH ปี 2025 โต 3.5% รวมถึงนโยบายเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติ15% ตามแนวทาง OECD คาดดึงเม็ดเงิน รายได้เพิ่มกว่าหมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่วันนี้นายกฯ เตรียมแถลงผลงานรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาหลังจากเข้ามาบริหาร และพ่วงของขวัญปีใหม่ 2568 อาทิ โครงการเงินดิจิทัลเฟส 2-3 ,ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน และ ค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ประเด็นดังกล่าว คาดหนุนให้ SET INDEX น่าจะพยุงตัวได้ในกรอบแคบ ในสภาวะที่ FLOW ต่างชาติยังขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดย กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
• กลุ่มเครื่องดื่ม CBG OSP ICHI SAPPE • กลุ่มค้าปลีก CPALL CRC BJC CPAXT • กลุ่มเช่าซื้อ MTC SAWAD TIDLOR • กลุ่มกำไรอิงการส่งออก TU CPF TFG NER STA
ช่วงที่เหลือของปี ตลาดหุ้นไทยอาจผันผวนน้อยลง ช่วงที่เหลือของปี ตลาดหุ้นไทยอาจผันผวนน้อยลง จากแรงเร่งขายหุ้นจากต่างชาติ และกองทุนในประเทศ มีโอกาสลดลง ดังนี้
▪ ต่างชาติมีโอกาสขายหุ้นไทยลดลง แม้ในไตรมาสที่ 4 จะเห็นเม็ดเงินไหลออก จากตลาดหุ้นภูมิภาคทุกประเทศ กลับไปสหรัฐ จากความคาดหวังการเข้าสู่ ยุค TRUMP2.0 แต่เริ่มเห็นการลดลงและกลับมาซื้อบ้างบางประเทศในเดือน ธ.ค. (MTD) อาทิ อินเดีย, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้เป็นต้น ส่วนตลาด หุ้นไทย แม้เดือน ธ.ค. นี้ ต่างชาติยังขายสุทธิ แต่เริ่มเห็นแรงขายเบาลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย. และ เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา
▪ กองทุนน่าจะค่อยๆ กลับมาซื้อหุ้นหลังปรับพอร์ตรับการเพิ่มทุนหุ้นการบิน ไทยเสร็จสิ้นใน 12 ธ.ค. 67 นี้ โดยช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจาก มูลค่าซื้อขายที่เบาบาง บวกกับนักลงทุนขายหุ้นเตรียมเงินเพิ่มทุนหุ้นการบิน ไทย 6 – 12 ธ.ค. 67 ก่อ 15.30 น. เชื่อว่าหลังจากปรับพอร์เสร็จหุ้นน่าจะ ค่อยๆ ฟื้นตัว พร้อมกันกับมีเม็ดเงิน THAIESG เข้ามา ส่งผลให้กองทุนเองก็ ทยอยซื้อหุ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน
ดั้งนั้น เชื่อว่า FUND FLOW ต่างชาติและสถาบันฯ มีโอกาสชะลอขายหุ้นไทยในช่วงที่ เหลือของปี ส่วนหุ้นที่กองทุนน่าจะค่อยๆ ซื้อหุ้น ฝ่ายวิจัยคาดน่าจะเป็นหุ้น FREE FLOAT สูงตามที่กลต. แนะนำให้บลจ. หันมาใช้ดัชนี SET50FF เป็น BENCHMARK มากขึ้น ฝ่ายวิจัยจึงทำการคัดกรองหุ้นที่กองทุนต้องเพิ่มน้ำหนัก หากมาใช้ดัชนี อ้างอิงเป็น SET50FF แทน SET50 อาทิ BBL, KBANK, TISCO, SCB, CENTEL, LH, TU, CPN, WHA, BDMS, SCC, BH, CPALL และหุ้นอื่นๆ
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities