🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 34.79 แข็งค่าเล็กน้อย จับตาตัวเลข GDP ไทย-ราคาทองคำ-ข้อมูลเศรษฐกิจตปท.

เผยแพร่ 18/11/2567 16:17
© Reuters ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 34.79 แข็งค่าเล็กน้อย จับตาตัวเลข GDP ไทย-ราคาทองคำ-ข้อมูลเศรษฐกิจตปท.
USD/THB
-

InfoQuest - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ อยู่ที่ระดับ 34.79 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อย จากปิดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 34.81 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หลังดอลลาร์เริ่มชะลอการแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทนั้น โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ที่ อาจจำกัดลง แต่ต้องรอจับตาว่า ราคาทองคำจะสามารถรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ ขณะที่สัปดาห์นี้ ควรจับตาการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งต้อง รอลุ้นการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (FED), ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่วนฝั่งไทย ตลาดรอติดตามรายงาน GDP ไตรมาสที่ 3 โดยนักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้ราว +2.4% หนุนโดยการขยายตัวในภาคการส่งออก และการลงทุน นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 34.65-34.90 บาท/ดอลลาร์ SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 34.7575 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 154.82 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 155.30/31 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูร อยู่ที่ระดับ 1.0546 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0564/0567 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.887 บาท/ดอลลาร์ - สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 2/2567 รวมทั้งประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 67 และ 68 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า GDP ไตรมาส 3 ปีนี้ จะขยายตัวได้ราว 2.4% - นายกฯอิ๊งค์จบภารกิจประชุมผู้นำเอเปคที่เปรู ดันเอฟทีเอ-บีซีจี-ศก.สีเขียว ชวนบิ๊กธุรกิจระดับโลกลงทุนไทย ชูเป็นฮับสมาร์ ทฟาร์มมิ่ง เตรียมจัดทุนส่งเด็กไปเรียนนอกเน้นสาขาเทคโนโลยีอนาคต 'ภูมิธรรม'ชี้ผลงานรัฐบาลเจ๋งช่วย พท.กวาด ส.ส. สมัยหน้า เกิน 200 ที่นั่งแน่ - รมช.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเสนอแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ของขวัญปีใหม่ช่วงสิ้นปีนี้ต่อเนื่อง ถึงตลอดทั้งปีหน้า เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 19 พ. ย.นี้ โดยจะกำหนดเป็นกรอบไทม์ไลน์ไว้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง โดยอาจแบ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรายธุรกิจ รวมถึงการเสนอให้ เดินหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ระยะถัดไป มาตรการแก้หนี้ภาคประชาชน ตลอดจนมาตรการของขวัญปีใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ - จับตามหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่ของโลก "อินเดีย" ดาวรุ่งพุ่งแรงครองความได้เปรียบยุคสหรัฐได้ผู้นำใหม่อย่างนายโดนัล ด์ ทรัมป์ นักวิเคราะห์มอง "อินเดีย" อาจเป็นหลุมหลบภัย ของตลาดเงินตลาดทุน และฐานการผลิตใหม่จาก นโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ 2.0 ด้าน "ทูตอินเดียประจำประเทศไทย" เผยเศรษฐกิจอินเดียโตต่อเนื่องเฉลี่ย 8% ต่อปี มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก เพียบพร้อม ด้วย "ทรัพยากรเทคโนโลยี แรงงาน และต้นทุนที่ต่ำ" มองโอกาส "ไทย" ขยายตลาดในอินเดียเพิ่ม - ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาชิคาโกคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในปีนี้ และลดลงอีก 1% ในปีหน้าตามที่ผู้กำหนดนโยบายหลายรายของเฟดได้คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา - ประธานเฟดสาขาบอสตันระบุว่า การลดอัตราดอกเบี้ยอาจยุติลงอย่างเร็วที่สุดในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ โดยขึ้น อยู่กับข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานและเงินเฟ้อที่จะออกมาในอนาคต - นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าแผนการเก็บภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) - เครื่องมือ CME Fedwatch บ่งชี้ว่า ตลาดคาดการณ์ในขณะนี้ว่า มีโอกาส 62% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ใน เดือนธ.ค. ลดลงจาก 83% เมื่อวันพฤหัสบดี - Dot Plot คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะสิ้นสุดในปีนี้ ที่ระดับ 4.4% ซึ่งต่ำกว่าระดับปัจจุบันอยู่ 0.25% และ จะอยู่ที่ 3.4% ภายในสิ้นปีหน้า - ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. จำนวนผู้ขอ รับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และข้อมูลเบื้องต้นของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและ ดัชนี PMI เดือนพ.ย. - นักลงทุนจับตาการแถลงข่าวของผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการ เงินในการประชุมครั้งต่อไปของ BOJ หลังจากเจ้าหน้าที่หลายรายได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย