🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.78 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 33.65-33.90 รอลุ้นผลเลือกตั้งสหรัฐ

เผยแพร่ 05/11/2567 16:19
อัพเดท 05/11/2567 17:11
© Reuters.  ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.78 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 33.65-33.90 รอลุ้นผลเลือกตั้งสหรัฐ
USD/THB
-

InfoQuest - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.78 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากปิดวันก่อนที่ระดับ 33.72 บาท/ดอลลาร์ ตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลง ในลักษณะ Sideways Up ตามการทยอยรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้างของเงิน ดอลลาร์ โดยเงินบาทวันนี้ มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะรู้ผลการ เลือกตั้งได้อย่างเร็วสุด ในช่วงบ่ายของวันที่ 6 พ.ย. ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ที่ชัดเจน จนกว่าจะรู้ผล การเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ช่วงทยอยรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการของสหรัฐฯ "อาจต้องระวังความเสี่ยงที่ เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นได้พอสมควร ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจปรับเพิ่มความคาดหวังการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟดได้" นาย พูน ระบุ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาด ลักษณะ Two-Way Volatility ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนของ สถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการปรับมุมมองต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลาง นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.90 บาท/ดอลลาร์ SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.6900 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 152.41 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 151.87/88 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0874 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0895/0896 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 33.786 บาท/ดอลลาร์ - "นายกฯ อิ๊งค์" ขอหัวหน้าส่วนราชการช่วยกันพัฒนาประเทศ ในการประชุมให้นโยบายระดับกระทรวง พร้อมสั่ง ทุกกระทรวง เร่งผลักดันงบลงทุนกว่า 9.6 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย หวังสร้างรายได้ให้ประชาชน "ปลัด.คลัง" เผย รัฐบาลทำงานเชิงรุกติดตามงานเป็นรายสัปดาห์-รายเดือน เล็งเชื่อมต่อข้อมูลกระทรวงต่างๆ เตรียมจัดประชุมทุกเดือน สลับกระทรวงฯ เป็นเจ้าภาพ - สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2568 สบน. มีแผนจะออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) วงเงินรวม 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกของรัฐบาลไทย เพื่อเป็นเครื่องมือระดมทุนในการ สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะเริ่มเปิดจำหน่ายล็อตแรก ราว 20,000-30,000 ล้านบาท ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ - "สรวงศ์" นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวลุยโปรโมตท่องเที่ยวไทยในงาน WTM 2024 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ฝัน เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 39 ล้านคนในปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 คาดตลอด ปีนี้นักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรเดินทางเข้าไทย 980,887 คน สร้างรายได้ 83,810 ล้านบาท - นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงการส่งออกข้าวในเดือน ก.ย.2567 ว่า มีปริมาณ 878,711 ตัน มูลค่า 19,463 ล้านบาท โดยปริมาณลดลง 0.8% และมูลค่าลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค.2567 ที่มีปริมาณ 885,387 ตัน มูลค่า 20,160 ล้านบาท เนื่องจากเดือนก.ย. การส่งออกในกลุ่มของข้าวนึ่งและปลายข้าว มีปริมาณลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่การส่งออกข้าว ขาวและข้าวหอมมะลิยังคงไปได้ดี - ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (4 พ. ย.) โดยดอลลาร์ปรับตัวตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี สหรัฐฯ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (4 พ.ย.) ท่ามกลางความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี สหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ - นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันนี้ (5 พ.ย.) ขณะที่ผลการสำรวจจากหลายสำนักบ่งชี้ถึงคะแนนนิยม ที่สูสีกันอย่างมากระหว่างคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน โดยผู้ชนะการเลือก ตั้งประธานาธิบดีจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง - ตลาดรอดูการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ โดยเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ ว่า บรรดานักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 99% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่มีปรับลด 0.25% ในเดือนก.ย. - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในคืนนี้ ได้แก่ ยอดนำเข้า-ส่งออก-ดุลการค้า เดือนก.ย., ดัชนีผู้ จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค. และ ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค. จาก ISM

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย