InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยูที่ 35.58 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 35.49 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.42 - 35.63 บาท/ดอลลาร์ และวันนี้มี กระแสเงินทุนต่างประเทศ (Flow) ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรราว 7.9 พันล้านบาท "วันนี้บาทแกว่งตัวในกรอบกว้างมาก ทิศทางค่อนข้างผันผวน หลังจากช่วงเช้าแข็งค่าลงมาทำนิวโลว์ในรอบกว่า 4 เดือน จากนั้นก็ทยอยอ่อนค่าในช่วงบ่าย" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 35.40 - 35.65 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้ตลาดรอดูการประกาศตัวเลขยอดขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ และดัชนี ISM ภาคการผลิต
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 149.76 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 149.75 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0782 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0826 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,322.75 จุด เพิ่มขึ้น 1.89 จุด, +0.14% มูลค่าซื้อขายราว 36,899.13 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 251.01 ล้านบาท - นายกรัฐมนตรี ยันเดินหน้าทำงานเต็มที่แม้ใกล้ถึงวันฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดี 40 สว. ยื่นถอดถอนออกจาก ตำแหน่งรัฐมนตรี พร้อมปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีมีกระแสข่าวเตรียมปรับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวม เดือนกรกฎาคม 2567 ลดลงมาอยู่ที่ ระดับ 46.9 จาก 48.7 ในเดือนก่อน ตามการลดลงด้านคำสั่งซื้อ การผลิต และผลประกอบการเป็นสำคัญ สำหรับความเชื่อมั่นในภาคการ ผลิต ปรับลดลงในเกือบทุกหมวดธุรกิจ นำโดยกลุ่มยางและพลาสติก ที่คำสั่งซื้อและการผลิตปรับลดลง หลังจากที่เร่งขึ้นในช่วงก่อน - คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (บอร์ด กกพ.) เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา มีมติตรึงค่าไฟงวดใหม่ เดือน ก.ย.-ธ. ค.67 ไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ซึ่งจากการเปิดรับฟังความคิดเห็น 3 แนวทางผ่านมาทางเว็บไซด์ กกพ. เมื่อวันที่ 12-26 ก.ค.67 พบ ว่าส่วนใหญ่เห็นว่าควรตรึงค่าไฟไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย - ธนาคารดีบีเอส, บริษัท เบน แอนด์ คัมพานี และ อังสนา เคานซิล ได้ร่วมกันเผยแพร่รายงานในวันนี้ (1 ส.ค.) ซึ่ง ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศชั้นนำ 6 อันดับแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และสิงคโปร์ จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 5.1% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า - เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) เปิดเผยว่า จีนไม่มีแผนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมใน ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดยยืนยันว่าจีนจะยังคงใช้มาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน และเน้นย้ำถึงเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้น สูง รวมทั้งแรงขับเคลื่อนใหม่ ๆ ที่จะช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ - เงินเยนแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเทียบดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายเช้านี้ที่ตลาดโตเกียว โดยได้รับปัจจัยหนุน จากแรงซื้อหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.25% จากเดิมที่ระดับ 0-0.1% ในการประชุมเมื่อวานนี้