ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 36.42/44 ทรงตัว ตลาดรอติดตามคดีนายกฯวันนี้ ให้กรอบ 36.30-36.55

เผยแพร่ 10/07/2567 16:40
© Reuters.  ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 36.42/44 ทรงตัว ตลาดรอติดตามคดีนายกฯวันนี้ ให้กรอบ 36.30-36.55
USD/THB
-

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 36.42/44 บาท/ดอลลาร์ ค่อนข้างทรงตัว จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 36.40 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค โดยเมื่อคืนนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณเรื่อง การลดดอกเบี้ย เนื่องจากตลาดแรงงานเริ่มปรับตัวลดความร้อนแรง ประกอบกับเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาเริ่มชะลอลง ทำให้นักลงทุนคาด การณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. นี้ส่วนการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นต้องรอติดตาม ซึ่งถ้ามีการลดดอกเบี้ย ในครั้งที่ 2 จะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงไปเรื่อย ๆ และทำให้เงินบาทแข็งค่าได้ อย่างไรก็ดี เงินบาทจะยังไม่แข็งค่าไปมาก เนื่องจากยังมีปัจจัยในประเทศสำคัญ คือศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดนัดพิจารณาคดี คุณสมบัตินายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะขาดคุณสมบัติ นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 36.30 - 36.55 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 161.45 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 161.00 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0800 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0822 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 36.427 บาท/ดอลลาร์ - รมช.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลต่ออัตราเงิน เฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้นว่า ปัจจุบันเงินเฟ้อทั่วไปต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย ซึ่งเงินเฟ้อขณะนี้ตกกรอบมากว่า 1 ปีแล้ว แน่นอนว่า ไม่มีประเทศใด ในโลกยอมให้เงินเฟ้อตกกรอบในระยะเวลานานขนาดนี้ เวลา 3-4 เดือน ก็ต้องเร่งเข้าไปดูแลแล้ว - รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเรียกผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าหารือภายในสัปดาห์นี้ เพื่อปรับ ปรุงเป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2568 ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลตั้งไว้ 3.5 ล้านล้านบาท กระทรวงต้องการให้ ททท.ยึดเป้า หมายการทำงานเป็นเป้าหมายเดียวกับรัฐบาล จึงจะทำให้ปี 2568 รายได้ขยายโต 7-10% เพิ่มเป็นมูลค่า 3.76-3.85 ล้านล้านบาท - ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า ธนาคารยังคงประมาณการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 67 ไว้ที่ 2.3% และคาดว่าปี 68 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.2% โดยหากรวมโครงการ Digital Wallet 10,000 บาท จะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ 2.5% - "พิมพ์ภัทรา" หารือหอการค้าญี่ปุ่น-เจโทร เปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมรถยนต์ ในไทยห่วงต้นทุนเพิ่ม ระบุการผลิตรถยนต์ใน ไทยเผชิญ 3 โจทย์ยากทั้งรัฐบาล ผู้ผลิต ผู้บริโภคมองนโยบายอีวี ยังจำเป็น สัปดาห์หน้า จีเอซี ไอออน ค่ายอีวีจีนเปิดโรงงานกำลังการ ผลิต 5 หมื่นคัน ชี้ฮอนด้าย้ายโรงงานผลิต หวังปรับปรุงการผลิตภายในลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพโรงงานอยุธยาผลิตชิ้นส่วน - ประธานเฟดได้แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา สหรัฐเมื่อวานนี้ว่า การที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเกินไปและนานเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ - ถ้อยแถลงประธานเฟดดังกล่าว ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 2 ครั้งในปีนี้ โดยให้น้ำหนักเกือบ 72% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนก.ย. เทียบกับการให้น้ำหนักที่ระดับต่ำกว่า 50% ในเดือนที่แล้ว - ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (9 ก.ค.) โดยดอลลาร์ปรับตัวตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น ในขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐใน สัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (9 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟด จะเริ่มปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด - นักกลยุทธ์การลงทุนด้านสินค้าโภคภัณฑ์จากบริษัท TD Securities กล่าวว่า การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนก.ย.เป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ โดยการคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้าง งานชะลอตัวลง - นักลงทุนยังคงจับตาประธานเฟดซึ่งมีกำหนดแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการ บริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (10 ก.ค.) พร้อมกับรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยว กับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมิ.ย.ในวันพฤหัสบดีนี้ (11 ก.ค.) และดัชนี ราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนมิ.ย.ในวันศุกร์ (12 ก.ค.)

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย