โดย Detchana.K
Investing.com - เป็นไปตามคาด 4 กุมาร พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย ตลาดกำลังรอดูการปรับคณะรัฐมนตรีว่าใครจะเป็นผู้นำทีมเศรษฐกิจท่ามกลางวิกฤตโควิดที่ประเทศกำลังเผชิญ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยกำลังรอปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่กำลังจะออกมาเริ่มที่กลุ่มธนาคาร โดยคาดกันว่ากำไรรายไตรมาสจะลดลง 4.9% ติดตามรายละเอียดพร้อมประเด็นสำคัญที่นักลงทุนไทยควรรู้สำหรับวันนี้
1. เตรียมรอฟังประกาศผลประกอบการกลุ่มธนาคาร
นักวิเคราะห์มองภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนจากความไม่แน่นอนของ สถานการณ์ COVID-19 โดยตลาดหุ้นไทย และภูมิภาคตอบรับปัจจัยบวกเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้นไปแล้ววานนี้ (15 ก.ค.) นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทย SET ยังอยู่ในช่วงรอรายงานผลประกอบการ 2Q63 ของกลุ่มธนาคาร โดยคาดว่ากลุ่มธุรกิจธนาคารจะมีกำไรสุทธิ 2Q63 รวมลดลง 4.9%QoQ และลดลง 22.7%YoY รวมถึงรอความชัดเจนของการปรับครม.ชุดใหม่ ว่าใครจะมากุมบังเหียนนำทีมเศรษฐกิจ
และค่ำนี้ อย่าลืมติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป ECB เกี่ยวกับนโยบายการเงิน และการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (EU)ในสัปดาห์นี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่การขออนุมัติจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของ COVID-19 ขนาด 7.50 แสน ล้านยูโร (8.51 แสนล้านดอลลาร์) จากกลุ่มประเทศสมาชิก EU ว่าจะออกมาในรูปแบบใด
ส่วนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จากผลของปริมาณสำรองในสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด แต่นักวิเคราะห์มองว่าจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานไม่มาก
2. 4 กุมาร - สมคิด ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ประเด็นอยู่ที่คนใหม่จะเป็นใครและถูกใจนักลงทุนหรือไม่
วันนี้เวลาประมาณ 10.00 น. กลุ่ม 4 กุมาร นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้ว พร้อมหนังสือลาออกจากตำแหน่งของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
เรื่องนี้นักวิเคราะห์ มีมุมมองเป็นกลางต่อปัจจัยดังกล่าว เชื่อว่าไม่มีผลใดๆต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเป็นสิ่งที่ตลาดคาดหมายไว้อยู่แล้ว สะท้อนจากการลาออกจากพรรคพลังประชารัฐของ 4 กุมารในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตลาดยังไม่รับรู้คือคนที่เข้ามาแทนจะเป็นใคร หากเป็นคนที่ตลาดไม่ถูกใจอาจเผชิญการปรับฐานได้
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ทาบทามนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย (BK:KBANK) มาดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง และได้รับการตอบรับแล้ว
3. จีนกลับมาผงาด GDP พุ่งเกินคาด 3.2% ในไตรมาสสอง
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนได้เผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆออกมาในวันนี้ ที่น่าสนใจคือตัวเลข GDP ในไตรมาสที่สองของปีนี้ เพิ่มขึ้นมา 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 2.5% ซึ่งเป็นผลจากการยุติมาตรการปิดเมืองและการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามตัวเลข GDP ของไตรมาสที่สองที่ออกมายังถือเป็นตัวเลขที่ต่ำสุด จากไตรมาสแรกที่อยู่ที่ 6.8%
ขณะที่ยอดค้าปลีก ยังคงลดลงต่อเนื่องจากเดือนพฤษภาคมที่หดตัว 2.8% มาเดือนมิถุนายนลดลง 1.8% นับเป็นการลดลงต่อเนื่อง 5 เดือน และแย่กว่าที่คาดการณ์ว่าน่าจะขยายตัว 0.3% ส่วนการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์เดือนมิถุนายน ปรับเพิ่ม 8.5% ในเดือนมิถุนายน จาก 8.1% เมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะที่อัตราการว่างงาน ลดลง 5.7% จากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 5.9%
นักเศรษฐศาสตร์ชาวจีนบอกว่า ตัวเลขที่ออกมา ชัดเจนว่าจีนกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆ อันเป็นผลจากความพยายามควบคุมการแพร่ระบาด และเร่งกลับมาดำเนินธุรกิจตามปรกติ แต่ถึงกระนั้นก็บอกว่าในครึ่งหลังของปีการฟื้นตัวอาจจะช้าลง