รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (15 - 19 มิ.ย.)

เผยแพร่ 14/06/2563 18:16
อัพเดท 14/06/2563 18:21
© Reuters.

โดย Noreen Burke

Investing.com - ห้าประเด็นสำคัญที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้

  1. การให้คำกล่าวของเพาเวลล์

ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ จะแถลงการณ์เกี่ยวกับนโยบายทางการเงินรายครึ่งปีของธนาคารกลางสหรัฐต่อหน้าสภาคองเกรสในวันพรุ่งนี้และวันพุธนี้ โดยตลาดจะคอยจับตาดูว่านายเพาเวลล์จะเผยมุมมองทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ อีกหรือไม่ รวมทั้งรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการซื้อตราสารหนี้และการจัดตั้งกองทุนกู้ยืมอีกด้วย

สัปดาห์ที่แล้วเฟดได้ประกาศแผนการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดในระยะยาวอีกหลายปีข้างหน้า โดยคาดว่าในปี 2020 เศรษฐกิจจะหดตัวลง 6.5% และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีอัตราการว่างงานจะเท่ากับ 9.3%

  1. ยอดค้าปลีกและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐ

ในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือนพฤษภาคมในวันพรุ่งนี้ โดยเมื่อเดือนเมษายนยอดค้าปลีกได้ดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ถึง 16.4% ซึ่งหวังว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว และนักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่ายอดค้าปลีกจะพลิกฟื้นขึ้นมา 8% หลังจากรัฐส่วนใหญ่เริ่มปลดการใช้มาตรการล็อกดาวน์แล้ว

ส่วน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก จะรายงานออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ โดยสัปดาห์ที่แล้วได้มียอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานทั้งหมด 1.5 ล้านคน ถือเป็นตัวเลขที่ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน ทว่าอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 13.3%

และปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้จะประกอบไปด้วย ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และ ยอดบ้านที่กำลังจะสร้าง อีกด้วย

  1. การพลิกฟื้นของหุ้นคุณค่าจะยังคงอยู่หรือไม่

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของไวรัสโคโรนา ผู้จัดการกองทุนบางส่วนได้ถอนตัวจากการถือครองกลุ่มหุ้นคุณค่า (Value stock) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนักในการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นครั้งล่าสุด

หุ้นคุณค่ามักจะทำผลงานได้ไม่ดีเท่าหุ้นเติบโตเร็ว (Growth stock) ท่ามกลางภาวะตลาดกระทิงที่กินเวลามานานนับทศวรรษและเพิ่งสิ้นสุดลงในปีนี้

ไม่นานมานี้รูปแบบดังกล่าวได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน โดยเมื่อเดือนที่แล้วดัชนี S&P 500 Value ปรับตัวขึ้นมาเพียง 4.5% ขณะที่ดัชนี S&P 500 Growth ทะยานขึ้นถึง 5%

แต่ภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนท่ามกลางการระบาดที่ยังไม่สิ้นสุด อาจส่งผลให้ผู้ลงทุนบางส่วนหันกลับไปลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตเร็วและทำผลงานได้ดีในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

  1. ธนาคารกลางอังกฤษเตรียมขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกต้องรับมือกับผลกระทบจากการระบาด ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กลับต้องรับมือกับ Brexit ด้วย โดยเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในเดือนเมษายนได้ทรุดตัวลงถึง 20% ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเหลือขนาดเท่ากับเมื่อปี 2002 และในปีนี้อาจเป็นการหดตัวทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 300 ปีเลยทีเดียว

คาดว่า BoE จะเพิ่มวงเงินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 1.5 แสนล้านปอนด์เมื่อถึง การประชุม วันพฤหัสบดีนี้ จากที่ได้มีการเพิ่มวงเงินไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคมและนักวิเคราะห์บางท่านชี้ว่าในที่สุดแล้วอาจมีการเพิ่มวงเงินจนถึง 2 แสนล้านปอนด์ก็เป็นได้

ทั้งนี้วงเงินการซื้อตราสารหนี้ปัจจุบันมีแนวโน้มว่าจะถึงขีดจำกัดภายในอีกสองเดือนข้างหน้า และการเพิ่มวงเงินจะช่วยลดความเป็นไปได้ที่จะต้องหยุดการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนถึงเวลาอันเหมาะสม

โดยสหราชอาณาจักรจะรายงาน อัตราการว่างงาน, อัตราเงินเฟ้อ, ยอดค้าปลีก และ อัตราเงินเฟ้อของราคาที่อยู่อาศัย ในปฏิทินเศรษฐกิจของสัปดาห์นี้ด้วย

  1. สัปดาห์ที่น่าจับตาของสหภาพยุโรป

ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ฟอน เดอร์ เลเยน จะมีกำหนดการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน ในวันนี้เพื่อสะสางการเจรจาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ภายหลัง Brexit โดยที่ผ่านมายังมีความคืบหน้าไม่มากนักเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าเสรี และขณะนี้ก็เหลือเวลาไม่มากพอแล้วที่จะยืดเวลาเส้นตายในสิ้นปี 2020 ออกไปอีก

จากนั้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ คณะผู้นำจากสหภาพยุโรปจะประชุมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยคณะสมาชิกส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนยกเว้นสี่ประเทศที่รู้จักกันในนาม "Frugal Four (สี่ประเทศแสนตระหนี่)" ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย เดนมาร์ก และสวีเดน ซึ่งการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากทุกประเทศ และความล่าช้าที่เกิดขึ้นก็จะเป็นแรงกดดันสำคัญแก่ ค่าเงินยูโร ด้วย

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส

ปฏิทินเศรษฐกิจ

ปรับแต่งปฏิทินเศรษฐกิจ ให้เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณได้ที่ Investing.com ประเทศไทย.

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย