🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

5 ปัจจัยที่ต้องจับตา: รายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น

เผยแพร่ 27/05/2567 08:05
© Reuters
LCO
-
CL
-

Investing.com -- ข้อมูลเงินเฟ้อจากสหรัฐอเมริกา ยูโรโซน และญี่ปุ่นจะในความสนใจสัปดาห์นี้ ความคืบหน้าของภาคการผลิตของจีนก็จะถูกจับตามองเช่นกัน ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์อาจยังคงส่งผลต่อราคาน้ำมัน นี่คือ 5 สิ่งที่นักลงทุนควรจับตา

  1. ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ

มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดจับตานำมาพิจารณาอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งจะครบกำหนดในวันศุกร์ จะเป็นเบาะแสต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี

ข้อมูลดังกล่าวจะมาในขณะที่ตลาดกำลังถอยห่างจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่อยู่มาอย่างยาวนาน หลังจากรายงานการประชุมของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาพร้อมกับท่าทีว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายจากเจ้าหน้าที่เฟด แต่ยังเคลือบแคลงว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเส้นทางขาลงอย่างยั่งยื่นหรือไม่

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจะได้รับรู้ความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟดอีกหลายคนในระหว่างสัปดาห์ รวมถึงผู้ว่าการ มิเชล โบว์แมน, ประธานเฟดของ Cleveland ลอเล็ตต้า เมสเตอร์ ลิซ่า คุก, จอห์น วิลเลียมส์ ประธาน เฟดแห่งนิวยอร์ก และ ราฟาเอล บอสติกประธานเฟดประจำแอตแลนตา

ปฏิทินเศรษฐกิจยังมีข้อมูลที่แก้ไขเกี่ยวกับ การเติบโต เศรษฐกิจในไตรมาสแรกในวันพฤหัสบดี และ Beige Book ของเฟดในวันพุธ

  1. ข้อมูลเงินเฟ้อยุโรป

ธนาคารกลางยุโรปได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4% ในการประชุมเดือนมิถุนายนที่กำลังจะมาถึง แต่ก็ยังต้องรอดูว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วแค่ไหนหลังจากนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อมูลเงินเฟ้อในวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันยังคงผันผวน

นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนจะพุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนพฤษภาคมปีต่อปี จาก 2.4% ในเดือนเมษายน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงทรงตัวที่ 2.7%

ปัจจัยนี้เพียงอย่างเดียวไม่น่าจะขัดขวาง ECB จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน แต่เจ้าหน้าที่บางคนกำลังโต้เถียงกับความจำเป็นในการผ่อนปรนนโยบาย

ปฏิทินเศรษฐกิจนี้ยังประกอบด้วย Ifo business climate index ของเยอรมนีในวันจันทร์ และ inflation allowance ในวันอังคาร

  1. ข้อมูลเงินเฟ้อโตเกียว

ข้อมูล เงินเฟ้อโตเกียว ที่จะครบกำหนดในวันศุกร์จะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตลาดพยายามประเมินว่าเมื่อใดที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป

ตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นสองสัปดาห์ก่อนการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปของ BOJ ซึ่งบางคนเดิมพันว่าธนาคารกลางอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สองหลังจากการเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ในเดือนมีนาคม

ธนาคารกลางญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินเยนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริโภคโดยทำให้ต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบสูงขึ้น

นอกจากนี้ ในวันศุกร์ กระทรวงการคลังจะเปิดเผยข้อมูลการแทรกแซงซึ่งครอบคลุมการแทรกแซงที่น่าสงสัยรอบล่าสุดและกำหนดการซื้อพันธบัตรของ BOJ ซึ่งผู้ค้าจะมองหาการลดจำนวนการซื้อของธนาคารกลาง

  1. ความเคลื่อนไหวจากจีน

China is to release data on industrial profits for the year to date on Monday with market watchers eager to see whether profits rebounded in April after a sharp decline the prior month slowed the pace of gains for the first three months to 4.3%.

China is to release its official manufacturing and non-manufacturing PMIs on Friday. Economists are expecting the manufacturing index to remain just above the 50 threshold that separates growth from contraction for a third month in May.

Beijing has set an ambitious economic growth target of around 5% for this year, which many analysts say will be a challenge to meet as prolonged weakness in the property sector and tepid consumer demand remain a drag on the world’s second largest economy.

5. ราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นประมาณ 1% ในวันศุกร์ แต่กลับลดลงเมื่อคิดเป็นรายสัปดาห์ จากความกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งจะคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น ซึ่งควบคุมความต้องการเชื้อเพลิง

น้ำมันเบรนท์ ย่อตัวลง 2.1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงติดต่อกันสี่เซสชันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการลดลงติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ตกลง 2.8% สำหรับสัปดาห์นี้

อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจและลดความต้องการน้ำมันได้

โดยรวม ความต้องการน้ำมันยังคงแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley เขียนในบันทึก โดยเสริมว่าพวกเขาคาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้

นักวิเคราะห์กล่าวว่าอุปสงค์น้ำมันเบนซินที่อ่อนตัวของสหรัฐฯ ได้รับการชดเชยจากอุปสงค์ทั่วโลก ซึ่งทำให้มีข้อดีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นปี

--ข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย