โดย Gina Lee
Investing.com – การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนได้รับแรงกดดันมากขึ้นในเดือนสิงหาคม โดยกิจกรรมโรงงานขยายตัวในอัตราที่ช้าลงและกิจกรรมภาคบริการเริ่มหดตัว
การแพร่ระบาดของโควิด ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น การส่งออกที่ชะลอตัว มาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ และการรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ล้วนมีส่วนทำให้แรงขับเคลื่อนเพื่อการฟื้นตัวชะลอลงจนถึงปัจจุบัน
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ที่เผยแพร่เมื่อต้นวันแสดงให้เห็นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิต อยู่ที่ 50.1 ซึ่งต่ำกว่า 50.2 ในการคาดการณ์ที่จัดทำโดย Investing.com เช่นเดียวกับตัวเลข 50.4 ของเดือนที่แล้ว
PMI นอกภาคการผลิต อยู่ที่ 47.5 ต่ำกว่าระดับ 50 อันเป็นระดับที่บ่งชี้ถึงการเติบโต และยังต่ำกว่า 53.3 ของเดือนก่อนหน้าด้วย
“ตัวเลข PMI ที่แย่กว่าที่คาดในเดือนสิงหาคม เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับมุมมองของเราว่า การชะลอตัวของการเติบโตในครึ่งปีหลังนั้นมีความเป็นไปได้สูง เราคาดว่าทางการจีนจะคงไว้ซึ่งการผสมผสานนโยบาย 'กระชับเป้าหมาย' สำหรับบางภาคส่วน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์และ อุตสาหกรรมที่มีมลพิษสูง เสริมด้วย 'การผ่อนปรน' สำหรับภาคเศรษฐกิจที่เหลือ” นักวิเคราะห์ของ Nomura กล่าวในรายงาน
นักวิเคราะห์คนอื่น ๆ ยังคาดว่า ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBOC) จะลดจำนวนเงินสดที่ธนาคารต้องเก็บไว้เป็นทุนสำรองในปีนี้ เพื่อเพิ่มการเติบโต โดย PBOC ได้ลดจำนวนเงินไปแล้วในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการปล่อยเงินประมาณ 1 ล้านล้านหยวน (154.54 พันล้านดอลลาร์) เข้าสู่ระบบเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจระยะยาว
การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิดในประเทศจีน ยังส่งผลให้กิจกรรมภาคบริการลดลงอย่างมาก
จูเลียน อีแวนส์ พริตชาร์ด นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Capital Economics กล่าวว่า "การสำรวจล่าสุดชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัว (ในเดือนสิงหาคม) เนื่องจากสถานการณ์โควิดได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมภาคบริการอย่างมาก อุตสาหกรรมยังคงตกต่ำอย่างต่อเนื่องจากปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานและอุปสงค์ที่ลดลง"
ในขณะที่กิจกรรมทางธุรกิจส่วนใหญ่อาจฟื้นตัวด้วยการผ่อนคลายข้อจำกัดของมาตรการโควิด แต่ธุรกรรมด้านสินเชื่อที่ตึงตัวและอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอจะยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนต่อไป