โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ที่ฝั่งเอเชีย ขณะที่พายุลูกใหม่จากอ่าวเม็กซิโกส่งผลให้แท่นขุดเจาะน้ำมันต้องปิดทำการเป็นครั้งที่สองภายในระยะเวลาต่ำกว่าหนึ่งเดือน ทว่ายังคงได้รับแรงกดดันจากสัญญาณของภาวะอุปทานเกินและอุปสงค์น้ำมันโลกที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ดีดขึ้น 0.15% เท่ากับ $39.89 ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 22:05 น. (3:05 น. GMT) กลับตัวจากขาลงก่อนหน้านี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ดีดขึ้น 0.46% อยู่ที่ $37.50 ต่อบาร์เรล โดยทั้งสองสัญญาต่างก็ปิดลบเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันและยังคงอยู่ต่ำกว่า $40
พายุโซนร้อนแซลลีกำลังอยู่ในระหว่างการสะสมแรง และจากการพยากรณ์สภาพอากาศได้คาดไว้ว่าจะเป็นพายุเฮอร์ริเคนระดับที่ 2 ซึ่งเป็นภัยทางสภาพอากาศที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้วภายในระยะเวลาต่ำกว่าหนึ่งเดือน หลังสามสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่พายุเฮอร์ริเคนลอร่าส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันต้องปิดทำการ ซึ่งคาดว่าพายุแซลลีจะพัดขึ้นชายฝั่งนิวออร์ลีนส์วันพรุ่งนี้
ผู้ลงทุนมีความกังวลว่าภาวะอุปทานเกินจะยืดเยื้อเนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้การฟื้นตัวของอุปสงค์เป็นไปอย่างเชื่องช้าและจึงทำให้น้ำมันดิบคงคลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากตัวเลขของทั้ง สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) และ สำนักงานสารสนเทศพลังงาน (EIA)
ANZ Research ระบุไว้ในบันทึกว่า “ฤดูกาลท่องเที่ยวที่ซบเซาในสหรัฐได้ส่งผลให้ตลาดต้องประเมินภาพรวมของอุปสงค์ใหม่อีกครั้ง"
และในบันทึกเสริมไว้ว่า “เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐจำเป็นต้องปิดทำการ ดังนั้นอุปสงค์น้ำมันจะยังคงอ่อนแอ"