รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

อัตราเงินเฟ้อ CPI ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 41 ปี

เผยแพร่ 20/01/2566 07:09
อัพเดท 20/01/2566 08:52
© Reuters.

© Reuters.

โดย Ambar Warrick

Investing.com -- ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นตามคาดสู่ระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีในเดือนธ.ค. จากข้อมูลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณกดดันเศรษฐกิจมากขึ้นจากราคาที่สูงขึ้น และธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น

อัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานแห่งชาติ CPI ซึ่งวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาในทุกรายการ ยกเว้นอาหารสด เพิ่มขึ้น 4% ต่อปีในเดือนธันวาคมจาก 3.7% ในเดือนพฤศจิกายน ข้อมูลจากสำนักสถิติเผย โดยดัชนีอยู่ที่ระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนธันวาคม 1981

หากรวมอาหารสด อัตราเงินเฟ้อ CPI เพิ่มขึ้น 4% ในเดือนธันวาคมจาก 3.8% ในเดือนก่อนหน้า

ราคาก๊าซและสาธารณูปโภคยังคงเป็นตัวการใหญ่ที่สุดในการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ โดยราคาก๊าซพุ่งขึ้นกว่า 23% ในระหว่างเดือน ในขณะที่ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 21% ประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการหยุดชะงักในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์หลังเกิดเหตุการณ์รัสเซียรุกรานยูเครนในช่วงต้นปี 2022 และต้องเผชิญกับค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ราคาอาหารก็เพิ่มขึ้น 7% เนื่องจากญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าจำนวนมาก การพึ่งพาการนำเข้าอย่างหนักของประเทศเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูง เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างมากทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น

ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นถูกส่งต่อไปยังลูกค้าโดยธุรกิจในท้องถิ่น ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของดัชนีราคาผู้ผลิต พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีในเดือนธันวาคมเช่นกัน

การอ่านค่าเงินเฟ้อที่สูงในขณะนี้คาดว่าจะกระตุ้นธนาคารกลางญี่ปุ่นให้เข้มงวดกับนโยบายการเงินให้มากขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลาง ยังคงจุดยืนเดิมของนโยบาย ในระหว่างการประชุมในสัปดาห์นี้ โดยในเดือนธันวาคมธนาคารกลางได้ขยายช่วงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรโดยไม่คาดคิด ซึ่งช่วยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสามารถผันผวนได้

ค่าเงิน เยน ทรงตัวในวันศุกร์ แต่พลิกกลับจากการขาดทุนจำนวนมากในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า BoJ อาจขยายช่วงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวให้กว้างขึ้นอีกในปีนี้ เนื่องจากการแข็งค่าขึ้นอย่างมากของเงินเยนและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหลังจากการเคลื่อนไหว นักวิเคราะห์กล่าวว่า การขยายช่วงอีกครั้งจะถือเสมือนเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ถึงกระนั้น BoJ ก็ไม่ได้ระบุว่ามีแผนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับที่ต่ำมากในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งคาดว่าปัจจัยนี้จะจำกัดการทำกำไรของเงินเยน

ธนาคารกลางยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงกลางปี 2023 ก่อนที่จะผ่อนคลายลงบ้างในสิ้นปี

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย