นาย Brad Garlinghouse ซีอีโอของบริษัท Ripple กล่าวในการประชุมของ CoinDesk ปี 2021 ซึ่งจัดขึ้นในสัปดาห์นี้ว่า การเติบโตของ Ripple ชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากคดีความที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐอเมริกาฟ้องร้องบริษัท แต่สิ่งนี้ได้ผลักดันให้พวกเขาขยายธุรกิจการชำระเงินไปทั่วโลก นาย Garlinghouse กล่าวว่า “ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุด ซึ่งเราได้เห็นการเติบโตของธุรกรรมถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว” บริษัทมีการเติบโตรายไตรมาสในแง่ของธุรกรรมทั้งเครือข่ายเมื่อปีที่แล้วถึง 40% แต่การเติบโตก็ชะลอตัวลงหลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยื่นฟ้อง Ripple ในเดือนธันวาคม 2020 โดยอ้างว่าการขาย XRP เป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าสหรัฐฯ 1.38 พันล้านดอลลาร์ หลังจากการฟ้องร้องของสำนักงาน ก.ล.ต. แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนหลายแห่งในสหรัฐฯ ได้เพิกถอนโทเค็น XRP และ MoneyGram ซึ่งเป็นบริการโอนเงินที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกก็ระงับการเป็นพันธมิตรกับ Ripple ด้วยเช่นกัน โดยทั้ง MoneyGram และ Ripple มีความสัมพันธ์ที่สืบเนื่องมาจากธุรกรรม ODL หรือ On-Demand Liquidity มูลค่าประมาณสองพันล้านดอลลาร์ ซึ่งทาง Garlinghouse กล่าวว่า “ เราได้หยุดความร่วมมือดังกล่าวชั่วคราว โดยหวังว่าจะได้รับความชัดเจนจากกฎหมายข้อบังคับ” อย่างไรก็ตาม Ripple ยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งในเอเชีย รวมถึงญี่ปุ่น นอกจากนี้บริษัทยังมองไปที่การให้บริการสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ใหม่ที่กำลังเติบโตอีกด้วย “ CBDC ในประเทศเป็นสิ่งที่ดีในการลดปัญหาในการชำระเงิน สิ่งที่ Ripple กำลังพยายามแก้ไขคือการใช้ XRP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุกรรมข้ามพรมแดน ซึ่งนั่นคือ bridge asset ” Garlinghouse กล่าวว่า “ เรามี XRP Ledger แบบโอเพ่นซอร์สสาธารณะ ซึ่งได้มีการทำงานร่วมกับรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก และเราจะทำงานร่วมกับรัฐบาลทั่วโลกต่อไป” คดีความระหว่างสำนักงาน ก.ล.ต. และ Ripple ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการค้นหาหลักฐาน (discovery phrase)
กดอ่านข่าว Ripple ขยายธุรกิจ XRP อย่างไรในระหว่างที่มีคดีความกับ SEC ต่อที่ Siam Blockchain