BeInCrypto - ในปัจจุบัน แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบกระจายอำนาจอย่าง Lens Protocol (ซึ่งมีบล็อกเชนเป็นแกนหลัก) และ Mastodon (ที่มาพร้อมกับเซิร์ฟเวอร์ที่ขับเคลื่อนโดยผู้ดูแล) นั้นยังมีความเป็นไปได้ที่ค่อนข้างจำกัด แต่ดูเหมือนว่า Damus ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหน้าใหม่ในวงการนี้ จะเป็นผู้ที่มีความใกล้เคียงกับความเป็น Web3 มากที่สุด Damus ซึ่งขับเคลื่อนโดยโปรโตคอลโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คแบบกระจายอำนาจ Nostr ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในชุมชน Bitcoin ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับ วิธีการใช้งาน Damus รวมไปถึงการสำรวจความสามารถต่างๆ ของแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนโดย Nostr รายนี้
ท่องโลกอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและเก็บข้อมูลของคุณไว้ให้เป็นส่วนตัว!
เมื่อสมัครใช้งาน Atlas VPN ใช้โค้ดโปรโมชั่น ATLASWELCOME เพื่อรับส่วนลด 82% ได้ที่ลิ้งค์นี้เลย!
หัวข้อต่างๆ ในบทความ
- ทำไมเราจึงต้องการใช้งาน Damus?
- วิธีการใช้งาน Damus
- ความสัมพันธ์ของ Nostr-Damus
- ไคลเอ็นต์ Nostr ตัวอื่นๆ
- Damus คือแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยโปรโตคอลที่จะมาเขย่าวงการโซเชี่ยล
- คำถามที่พบบ่อย
ทำไมเราจึงต้องการใช้งาน Damus?
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงวิธีการใช้งาน Damus กัน เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมเราจึงต้องการใช้งาน Damus? ในขณะที่แพลตฟอร์มโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คยอดนิยมอย่าง Twitter มีความรวมศูนย์และยังมีแนวทางในการปิดกั้นข้อมูลอย่างเข้มงวด Damus นั้นกลับมีแนวทางการเป็นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คที่แตกต่างออกไป จากการที่มันสร้างขึ้นบน Nostr ที่มีทั้งความกระจายอำนาจและต้านทานการปิดกั้นทุกรูปแบบ และต่างจาก Twitter ที่มีเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง ผู้ใช้งานไคลเอ็นต์ Nostr นั้นสามารถเป็นผู้เข้าร่วมใช้งาน Damus ได้เสมอ โดย Damus ได้ใช้ Dumb Relays — ซึ่งเป็นตัวส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
Relays เหล่านี้จะทำหน้าที่เหมือนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งใครๆ ก็สามารถเรียกใช้งานมันได้ ดังนั้น เมื่อคุณส่งข้อความหาใครซักคนบนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คแบบกระจายอำนาจนี้ คุณกำลังทำการ “ส่ง” ข้อความไปยังผู้รับโดยตรง เพราะฉะนั้น ปัญหาในการปิดกั้นใดๆ จึงไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ และเนื่องจาก Relays เหล่านี้ไม่มีความสามารถในการตีความหรือประมวลผลข้อมูล มันจึงได้ชื่อว่า Dumb (โง่) นั่นเอง
อีกหนึ่งเรื่องที่เป็นการส่งเสริม Damus ก็คือธรรมชาติของการกระจายอำนาจของมัน แอปนี้เป็นผลผลิตของ William Casarin ซึ่งไม่ได้มีบล็อกเชนหรือโทเค็นเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ไม่มีแรงจูงใจใดๆ ให้กับผู้ใช้งาน
Damus นั้นคือไคลเอ็นต์ของ Nostr ในเวอร์ชั่นของ iOS ในขณะที่เวอร์ชั่นของ Android นั้นมีชื่อว่า Amethyst อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้ที่เวอร์ชั่นของ iOS กัน
Damus บน iOS: App Store
วิธีการใช้งาน Damus
บน iPhone (iOS)
ดังที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ Damus นั้นเป็นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คแบบกระจายอำนาจ ดังนั้น มันจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การเข้าสู่ระบบเหมือนแพลตฟอร์มแบบดั้งเดิม ด้วยความที่มันขับเคลื่อนโดย Nostr ที่มีการกระจายอำนาจ มันจึงจะใช้การเข้าสู่ระบบแบบ Self-Sovereign (ให้อำนาจแก่ผู้ใช้งานอย่างสมบูรณ์) โดยการใช้ Public และ Private Keys และเนื่องจาก Nostr นั้นไม่ใช่แอปแต่เป็นโปรโตคอล การแปลงให้มันกลายเป็นแอปและนำมันมาสู่ระบบนิเวศ iOS คือสิ่งที่เป็นหน้าที่ของ Damus นั่นเอง
ต่อไป เรามาดูองค์ประกอบที่สำคัญของบทความนี้กันดีกว่า นั่นก็คือ วิธีการใช้งาน Damus นั่นเอง
เพื่อติดตั้งแอป Damus ไปที่ Apple (NASDAQ:AAPL) App Store ค้นหา Damus เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งแอปในอุปกรณ์ของคุณ
วิธีการใช้งาน Damus ในแต่ละขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1: เมื่อคุณทำการติดตั้งแอปแล้ว คุณจะได้พบกับหน้าอินเตอร์เฟส “เข้าสู่ระบบ” หากคุณมีบัญชีอยู่แล้ว ให้กด “Login” (เข้าสู่ระบบ) หรือหากยังไม่มี ให้กด Create Account (สร้างบัญชี)
หน้าเข้าสู่ระบบ: แอป Damus
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบ End User License Agreement (EULA หรือข้อตกลงสิทธิ์การใช้งานของผู้ใช้งาน) ซึ่งมี ChatGPT ช่วยในการพัฒนา คุณสามารถ “ปฏิเสธ” หรือ “ยอมรับ” ได้ตามที่คุณต้องการ ถึงแม้ EULA จะกล่าวว่าอาจจะมีการปิดกั้นเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องตามข้อตกลง แต่แอปสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนั้น
EULA ส่วนที่ 1: แอป Damus
EULA ส่วนที่ 2: แอป Damus
ขั้นตอนที่ 3: เมื่อคุณยอมรับแล้ว คุณจะถูกขอให้สร้างบัญชีด้วยชื่อผู้ใช้งานที่คุณต้องการ, ชื่อที่ต้องการให้แสดง, และแนะนำตัวเล็กน้อยในส่วน “About Us” (เกี่ยวกับตัวฉัน) โปรดสังเกตว่ามี “Account ID” (หมายเลขบัญชี) แสดงอยู่ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณสามารถถูกมองเห็นได้ต่อสาธารณะ
วิธีการสร้างบัญชี Damus: แอป Damus
ขั้นตอนที่ 4: ในส่วนนี้คือการจัดการ Self-Sovereign ID คุณจะได้รับแจ้งว่า Account ID ของคุณนั้นเป็น Public Key ของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้อื่นจะสามารถใช้ระบุตัวตนของคุณได้
Public Key สำหรับระบุตัวตน: แอป Damus
ขั้นตอนที่ 5: เมื่อคุณคลิกไปที่ Public Key คุณจะมาถึงส่วนของ Private Key ซึ่งจะทำหน้าที่เสมือนกับรหัสผ่านในแง่มุมของการกระจายอำนาจ ให้กด “Let’s Go” (ไปกันต่อเลย) เพื่อเข้าสู่บัญชีของคุณ
Private Key สำหรับเข้าถึงบัญชี: แอป Damus
ตอนนี้ คุณอยู่ในแอป Damus แล้ว: แล้วยังไงต่อ?
ขั้นตอนที่ 6: ตอนนี้ คุณมาอยู่ใน Damus แล้ว คุณสามารถลองใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้ โดยจะมีตาราง “Profile” (โปรไฟล์) ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ โปรดสังเกตว่า ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีชื่อโปรไฟล์ แต่คุณก็สามารถเข้าสู่ระบบในฐานะไคลเอ็นต์ Nostr ด้วยการใช้ Damus ได้
อินเตอร์เฟส: แอป Damus
ขั้นตอนที่ 7: ที่ด้านล่าง คุณจะเห็นตัวเลือกมากมาย เริ่มด้วยไอคอนหน้าแรก, ส่งและตอบกลับข้อความส่วนตัว, ปุ่มค้นหา และไอคอนแจ้งเตือน
ฟีเจอร์ต่างๆ ของแอป: แอป Damus
คุณสามารถค้นหาผู้ใช้งานคนอื่นๆ ได้ด้วยการพิมพ์ Public Key ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น เราสามารถใช้ Public Key ของ Edward Snowden เพื่อค้นหาและติดตามเขาได้ เมื่อคุณวาง Public Key ลงไปในช่องค้นหาแล้ว มันจะขึ้นข้อความให้คุณไปยังโปรไฟล์ที่ค้นหาซึ่งอยู่บน Damus ได้ และตอนนี้ เราก็ได้ติดตาม Edward Snowden แล้ว
การใช้แอป Damus ค้นหาผู้คน: แอป Damus
อีกหนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Damus ก็คือการผสานรวมกับ Lightning Network ของ Bitcoin ลองดูที่โปรไฟล์ที่คุณติดตามดูสิ คุณจะสามารถให้ทิปพวกเขาได้ที่ไอคอนรูปสายฟ้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Lightning Network
Edward Snowden: แอป Damus
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือการโพสต์ภาพ อย่างที่เห็นในรูปตัวอย่าง Damus จะไม่อนุญาตให้คุณอัพโหลดรูปไปที่แพลตฟอร์มโดยตรง แต่คุณจะสามารถอัพโหลดภาพไปยังเว็บไซต์แชร์รูปภาพที่ทำงานกับ Nostr ได้และจะสร้างลิ้งค์ขึ้นมาให้แทน
ความสัมพันธ์ของ Nostr-Damus
บน Damus การติดตามบุคคลใดๆ จะช่วยให้คุณเข้าถึง Relays สาธารณะของพวกเขาได้ ซึ่งมันก็จะทำงานเหมือนการที่คุณติดตามโปรไฟล์ของใครซักคนบน Twitter เพื่อดูสิ่งที่พวกเขาโพสต์หรือตอบโต้ที่จะปรากฏขึ้นในฟีดรายวันของคุณ
หากคุณยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการทำงานของไคลเอ็นต์ Nostr นี่คือวิธีที่คอนเซปต์นี้ทำงานเมื่อเปรียบเทียบกับ Twitter Public Key นั้นจะเปรียบเสมือนชื่อบัญชีบน Twitter และการเข้าร่วม Public Relay ของผู้ใช้งานคนใดๆ ก็ตาม — เหมือนที่เราเข้าร่วม Relay ของ Snowden — ก็จะเปรียบเสมือนการติดตามบน Twitter นั่นเอง
เมื่อคุณติดตามใครซักคนบน Damus หรือบนไคลเอ็นต์อื่นๆ ของ Nostr คุณสามารถขอให้ไคลเอ็นต์ Nostr ของคุณค้นหา Relay สำหรับ Public Key ของพวกเขาให้กับคุณได้ ซึ่งสิ่งนี้ทำงานเช่นเดียวกันกับไคลเอ็นต์ Nostr ทุกตัว บน Damus ทุกครั้งที่คุณเข้าสู่ระบบ ไคลเอ็นต์ของคุณจะค้นหาและดึงข้อมูลจาก Relays ทั้งหมด — หรือก็คือทุกแพลตฟอร์มที่คุณได้ติดตามไว้ ซึ่งจะช่วยให้คุณดูข้อมูลต่างๆ จากฟีดของคุณได้
ไคลเอ็นต์ของ Nostr นั้นสามารถทำงานร่วมกันได้ ทำให้คอนเซปต์ของ Relays (รีเลย์) และ Client (ไคลเอ็นต์) แบบกระจายอำนาจนั้นสอดคล้องกับระบบ Android หรือแม้แต่กับระบบนิเวศของเว็บเองก็ตาม
บน Android
หลังจากที่เราได้สำรวจการใช้งานไคลเอ็นต์ Nostr สำหรับ iOS ไปแล้ว ตอนนี้ ถึงเวลาที่เราจะมาดู “โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คที่คุณสามารถควบคุมได้” ของทางฝั่ง Android กันบ้างดีกว่า ไคลเอ็นต์ Nostr ของทางฝั่ง Android นั้นจะมีชื่อว่า Amethyst ซึ่งเมื่อคุณเข้าไปที่หน้าอินเตอร์เฟสแล้ว ทุกสิ่งก็จะดูเหมือนกับที่ปรากฏในแอป Damus
แอป Amethyst: Play Store
ด้วย Amethyst บน Android คุณก็จะสามารถเข้าถึง Relays แบบกระจายอำนาจได้เช่นกัน เพียงแค่ใช้ Private Key เฉพาะของ Nostr ของคุณเข้าสู่ระบบ คุณก็พร้อมใช้งานได้ทันที และนี่ก็คือความสามารถในการทำงานร่วมกันของ Nostr และ Damus
UI ของ Amethyst: แอป Amethyst
กับแอป Amethyst นั้น จะไม่มีการเก็บหรือแบ่งปันข้อมูลเหมือนกับแอป Damus แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่พบเรื่องการผสานรวม Lightning Network และตัวเลือกการให้ทิปบนแอป Amethyst
App Privacy ของ Damus: App Store
App Privacy ของ Amethyst: Play Store
บนเดสก์ท็อป
และสุดท้าย เรายังมีเว็บไคลเอ็นต์ของ Nostr สำหรับใช้เข้าสู่โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คแบบกระจายอำนาจบนเดสก์ท็อปของคุณ ไคลเอ็นต์นี้มีชื่อว่า Snort ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้ Private Key เฉพาะของ Damus หรือ Nostr ในการเข้าสู่ระบบได้
UI ของ Snort: Snort Social
ตอนนี้ เราได้เข้าสู่ระบบด้วยคีย์ที่สร้างขึ้นด้วยแอป Damus ของเราได้แล้ว เราสามารถเห็นโพสต์ของ Edward Snowden ที่บัญชีของเราได้ติดตามบน Damus ได้ (ไม่ได้ติดตามบน Snort) เพราะฉะนั้น มันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า Private Key เฉพาะของ Nostr นั้นสามารถใช้งานได้กับไคลเอ็นต์ Nostr ทั้งหมด ทำให้ระบบนิเวศทั้งหมดนั้นสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง
ไคลเอ็นต์ Nostr ใน Snort: Snort Social
อีกอย่าง เมื่อสร้าง Relay ขึ้นมาแล้ว มันจะแสดงขึ้นมาโดยไม่สนว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการใดๆ ก็ตาม ทำให้ Nostr Dumb Relay เป็นสิ่งที่ทำงานได้โดยไม่สนแพลตฟอร์ม เพราะฉะนั้น หากคุณติดตามใครก็ตามโดยการใช้ Private Key เดียวกันทั้งบน Damus และ Snort โพสต์ของผู้ใช้งานคนดังกล่าวก็จะสามารถมองเห็นได้ในทั้งสองแพลตฟอร์ม
Damus เป็นไคลเอ็นต์ Nostr ที่มีไว้สำหรับระบบ iOS เท่านั้น แต่คุณสามารถเลือกใช้งานแอป Amethyst ซึ่งเป็นไคลเอ็นต์บนระบบ Android หรือ Snort ซึ่งเป็นไคลเอ็นต์บนเดสก์ท็อปได้เช่นกัน
ไคลเอ็นต์ Nostr ตัวอื่นๆ
Nostr นั้นเป็น Open Protocol (โปรโตคอลที่อนุญาตให้บุคคลที่สนใจสามารถนำไปใช้หรือพัฒนาต่อยอดได้) ดังนั้น มันจึงมีไคล์เอ็นต์อยู่มากมายที่ช่วยในการขยายขอบเขตของวิสัยทัศน์ในการกระจายอำนาจนี้ และนี่คือรายชื่อของไคลเอ็นต์ Nostr ยอดนิยมและฟีเจอร์ต่างๆ ที่สามารถใช้งานได้
ไคลเอ็นต์ต่างๆ ของ Nostr: GitHub
โปรดทราบไว้ก่อนว่าคอนเซปต์ของการใช้งาน Private และ Public Keys นั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Nostr ซึ่งคุณสามารถใช้ไคลเอ็นต์ตัวอื่นๆ เช่น Astral ในการสร้าง(คีย์)ขึ้นมาได้ ด้วยคอนเซปต์ของทั้ง Private และ Public Keys, Relays และ Client ต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันได้ มันได้ทำให้ Nostr เป็นคู่แข่งคนสำคัญของ Twitter, Telegram หรือแม้กระทั่ง Reddit เองก็ตาม
Damus คือแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยโปรโตคอลที่จะมาเขย่าวงการโซเชี่ยล
Damus ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Open Protocol แบบกระจายอำนาจนี้ทำให้เราเห็นถึงความเป็นไปได้มากมาย เมื่อเวลาผ่านไป มันอาจจะกลายมาเป็นอนาคตใหม่ของแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง จะไม่มีใครที่สามารถปิดกั้นการแสดงออกทางความคิดของคุณได้อีกต่อไป หรือถ้าจะให้อ้างอิงจากคำกล่าวของ Edward Snowden “Nostr จะเป็นโปรโตคอลที่ให้อิสระแก่ผู้คน ต่างจากแพลตฟอร์มแบบดั้งเดิมที่เจ้าของแพลตฟอร์มสามารถเลือกให้ใครพูดหรือได้ยินอะไรตามที่พวกเขาต้องการได้” และนั่นคือนิยามที่ดีที่สุดของแอป Damus ที่ขับเคลื่อนโดยโปรโตคอล Nostr