Chegg ประกาศลดกําลังคนประหยัดต้นทุนโครงการ

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Chegg, Inc. (NYSE:CHGG) ซึ่งเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในด้านบริการการศึกษา ได้เปิดเผยการลดกําลังคนลงอย่างมากซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างที่มุ่งปรับปรุงการดําเนินงาน ตามข้อมูลจากการยื่นฟ้องของ SEC เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทในซานตาคลาราจะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 441 คน ซึ่งเท่ากับประมาณ 23% ของพนักงานปัจจุบัน

การตัดสินใจดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 10 ล้านดอลลาร์ถึง 14 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าชดเชยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง Chegg คาดว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้ส่วนใหญ่จะรับรู้ภายในสิ้นไตรมาสที่สี่ของปี 2024 โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณครึ่งหนึ่งในไตรมาสที่สองของปีเดียวกัน ตัวเลขเหล่านี้ขึ้นอยู่กับสมมติฐานปัจจุบันและอาจมีการเปลี่ยนแปลง

ผู้นําของบริษัทได้แสดงให้เห็นว่ามาตรการเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานเพิ่มเติม คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนต่อปีได้ระหว่าง 40 ล้านดอลลาร์ถึง 50 ล้านดอลลาร์ Chegg ยังตั้งใจที่จะยกเว้นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลดกําลังคนออกจากมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP รวมถึง EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว

การประกาศปรับโครงสร้างได้รับการสื่อสารในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นจาก Nathan Schultz ประธานและซีอีโอของ Chegg จดหมายดังกล่าวสรุปกลยุทธ์ของบริษัทและผลกระทบที่คาดว่าจะได้รับจากการลดจํานวนพนักงานที่มีต่อสุขภาพทางการเงินและประสิทธิภาพการดําเนินงานของ Chegg

การเคลื่อนไหวของ Chegg เกิดขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทายสําหรับหลายบริษัทในภาคการศึกษา เนื่องจากพวกเขาปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปและมุ่งมั่นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงานของตน แม้ว่าการลดกําลังจะมีมาก แต่ Chegg เชื่อว่าการประหยัดต้นทุนจะทําให้บริษัทมีผลการดําเนินงานที่ดีขึ้นและยั่งยืนในระยะยาว

รายละเอียดที่ให้ไว้ในบทความนี้อ้างอิงจากการยื่น SEC ล่าสุดของ Chegg ซึ่งรวมถึงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีความเสี่ยง ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไป และความเสี่ยงใหม่ๆ อาจเกิดขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผลประกอบการทางการเงินของบริษัท

ในข่าวล่าสุดอื่น ๆ Chegg Inc. ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ได้รายงานการพัฒนาที่สําคัญ บริษัทได้ประกาศแผนการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงการดําเนินงานและเร่งสร้างนวัตกรรม ซึ่งรวมถึงการลดจํานวนพนักงานทั่วโลก 23% และการปิดสํานักงานระหว่างประเทศสองแห่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ GAAP ได้ 40 ถึง 50 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 การปรับโครงสร้างนี้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของ Chegg ซึ่งรวมถึงอัตรากําไร EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วมากกว่า 30% และประมาณการกระแสเงินสดอิสระอย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2568

Chegg ยังรายงานรายได้ลดลง 7% เมื่อเทียบเป็นรายปีสําหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2024 โดยมีรายได้ลดลงเหลือ 174 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม บริษัทกําลังมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและปรับปรุงชุดผลิตภัณฑ์สําหรับนักเรียน นักวิเคราะห์จาก BMO Capital Markets, Piper Sandler และ Jefferies ได้ปรับมุมมองต่อ Chegg โดย BMO Capital ยังคงจัดอันดับ Outperform ในขณะที่ Piper Sandler และ Jefferies ยังคงจัดอันดับ Underweight

การพัฒนาล่าสุดเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อ Chegg นําทางผ่านช่วงเวลาของแนวโน้มระดับบนที่อ่อนแอลง โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับฐานค่าใช้จ่ายและปรับปรุงข้อเสนอในสภาพแวดล้อมของตลาดที่ท้าทาย บริษัทกําลังดําเนินการเปลี่ยนความเป็นผู้นํา โดยซีอีโอคนปัจจุบันจะเปลี่ยนไปเป็นประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการจะรับตําแหน่งซีอีโอ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโต Chegg วางแผนที่จะปรับปรุงแพลตฟอร์มที่เปิดใช้งาน AI และเพิ่มประสิทธิภาพการกําหนดราคาระหว่างประเทศเพื่อให้ได้อัตรากําไรและผลกําไรที่แข็งแกร่งขึ้น

ข้อมูลเชิงลึกของ InvestingPro

จากการประกาศปรับโครงสร้างล่าสุดของ Chegg, Inc. ข้อมูลแบบเรียลไทม์จาก InvestingPro ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Chegg อยู่ที่ 265.77 ล้านดอลลาร์เพียงเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกถึงขนาดที่ค่อนข้างเล็กในอุตสาหกรรมบริการการศึกษา แม้จะมีการลดพนักงานที่คาดการณ์ไว้และการปรับปรุงการดําเนินงาน แต่อัตรากําไรขั้นต้นของบริษัทยังคงน่าประทับใจที่ 73.68% ซึ่งเน้นย้ําถึงความสามารถในการรักษาความสามารถในการทํากําไรในระดับสูงเมื่อเทียบกับรายได้

นอกจากนี้ Chegg ยังซื้อขายที่ราคา / ตัวคูณทางบัญชีที่ต่ําที่ 0.28 ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าหุ้นมีมูลค่าต่ําเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าตามบัญชีของบริษัท สิ่งนี้อาจดึงดูดนักลงทุนที่กําลังมองหาการต่อรองราคาที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสําคัญคือต้องทราบว่าหุ้นของ Chegg ประสบกับความผันผวนของราคาอย่างมีนัยสําคัญ โดยมีเปอร์เซ็นต์ต่ําสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 19.91% ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนและแนวโน้มขาลงของหุ้นในช่วงเวลาต่างๆ

เคล็ดลับการลงทุน Pro แนะนําว่าในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าการเติบโตของรายได้สุทธิในปีนี้ นอกจากนี้ ผลการดําเนินงานล่าสุดของหุ้นบ่งชี้ว่าอยู่ในเขตขายมากเกินไปตามดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) สําหรับนักลงทุนที่ต้องการการวิเคราะห์โดยละเอียดและเคล็ดลับเพิ่มเติม InvestingPro ขอเสนอรายการข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุม มีเคล็ดลับ InvestingPro เพิ่มเติม 17 ข้อ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้สําหรับผู้ที่ต้องการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดเกี่ยวกับการลงทุนใน Chegg ด้วยการใช้รหัสคูปอง PRONEWS24 นักลงทุนสามารถรับส่วนลดเพิ่มเติม 10% สําหรับการสมัครสมาชิก Pro และ Pro+ รายปีหรือรายปักษ์เพื่อนําหน้าข้อมูลทางการเงินล่าสุดและข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน