โดย Gina Lee
Investing.com – หุ้นเอเชียแปซิฟิกปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในเช้าวันนี้ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของจำนวนผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ลดลง 1.69% เมื่อเวลา 22:13 น. ET (2:13 น. GMT) และ ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 1.20%
ในออสเตรเลีย ดัชนี ASX 200 ลดลง 0.98% โดย ธนาคารแห่งประเทศออสเตรเลีย จะเผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายล่าสุดในวันอังคาร
ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงลดลง 2.18%
ดัชนี Shanghai Composite ของจีนลดลง 0.25% และ ดัชนี Shenzhen Component ลดลง 0.23%
SET ไทย ซื้อขายอยู่ที่ 1,556.76 จุด ลดลง 17.94 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดการซื้อขายก่อนหน้านี้ด้วยแนวโน้มขาลง โดยที่ ดัชนี S&P 500 ร่วงลงเป็นสัปดาห์แรกในรอบหนึ่งเดือน ในขณะเดียวกัน การซื้อขายพันธบัตรสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปียังคงต่ำกว่าระดับ 1.3%
ประเด็นที่ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะทำให้เฟดเริ่มลดสินทรัพย์ลงและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช้าลงหรือไม่ ส่งผลให้ราคาหุ้นทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
นักลงทุนยังคงวิเคราะห์การลดลงของผลตอบแทนพันธบัตร โดยมองว่าแนวโน้มดังกล่าวเป็นสัญญาณว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว เนื่องจากประเทศต่าง ๆ กลับมาใช้มาตรการจำกัดเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด ขณะที่บางส่วนมองว่า แรงซื้อพันธบัตรกำลังชะลอตัวลง
ลอรี่ คัลวาซิน่า หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ RBC Capital Markets ระบุว่า "โควิดเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อ Reflation Trade"
ปัจจัยอื่น ๆ รวมถึงการที่เฟดอาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลดลงและการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ยืนกรานในแถลงการณ์ของเขาในช่วงสัปดาห์ก่อนว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นน่าจะเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ตลาดยังไม่สามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่จากคำมั่นของเขาที่ว่า นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ในส่วนของ ธนาคารกลางยุโรป และ ธนาคารกลางอินโดนีเซีย จะประกาศการตัดสินใจด้านนโยบายในวันพฤหัสบดีนี้
ขณะนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่อังกฤษ ซึ่งจะยกเลิกมาตรการป้องกันโควิดในวันนี้ ขณะที่ปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นประเด็นสำคัญเช่นกัน
นักวิเคราะห์ของ Bank of America (NYSE:BAC) ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐปี 2020 เป็น 6.5% จาก 7% ก่อนหน้านี้ แต่ยังคงประมาณการณ์ไว้ที่ 5.5% สำหรับปี 2022
"สำหรับภาวะเงินเฟ้อ ข่าวร้ายก็คือ มันมีแนวโน้มจะสูงขึ้นในระยะสั้น ส่วนข่าวดีก็คือ มันน่าจะใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากผลกระทบพื้นฐานไม่ค่อยดีนักและแรงกดดันจากปัญหาการขาดแคลนอุปทาน ได้เปลี่ยนจากภาคสินค้าไปสู่ภาคบริการ" รายงานระบุเพิ่มเติม