InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (11 ต.ค.) แต่ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนประเมินปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง และผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนมิลตันต่อความต้องการเชื้อเพลิงในรัฐฟลอริดา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 75.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 79.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ในรอบสัปดาห์นี้ ทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% โดยข้อมูลจาก Intercontinental Exchange บ่งชี้ว่า บรรดาผู้จัดการกองทุนเพิ่มสถานะซื้อสุทธิในสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ 123,226 สัญญา เป็น 165,008 สัญญาในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ต.ค.
"ตลาดสามารถรับรู้ถึงความตึงเครียด ขณะที่อิสราเอลพิจารณาขนาดและรูปแบบของการตอบโต้ต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ของอิหร่าน หากอิสราเอลทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันและก๊าซของอิหร่าน ราคาน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น" ทิม สไนเดอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมาทาดอร์ อีโคโนมิกส์ (Matador Economics) เปิดเผยในวันศุกร์
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนนี้ หลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธมากกว่า 180 ลูกโจมตีอิสราเอลในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ในการตอบโต้ต่อสาธารณูปโภคด้านน้ำมันของอิหร่าน โดยอิสราเอลยังไม่ได้มีการตอบโต้ใด ๆ
โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลกล่าวว่า การโจมตีใด ๆ ต่ออิหร่านจะเป็น การโจมตีที่รุนแรง แม่นยำ และสร้างความประหลาดใจ
"เราต้องรอดูว่าอิสราเอลจะตอบโต้อย่างไร แต่ผมคิดว่าจนกว่าจะถึงจุดนั้น ตลาดน้ำมันจะยังคงมีค่าความเสี่ยงในราคาน้ำมัน" จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์จากยูบีเอส (UBS) กล่าว
อิหร่านกำลังสนับสนุนกลุ่มต่าง ๆ ที่ต่อสู้กับอิสราเอล ซึ่งรวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน, กลุ่มฮามาสในกาซา และกลุ่มฮูตีในเยเมน
แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ประเทศในอ่าวเปอร์เซียกำลังล็อบบี้ให้สหรัฐยับยั้งอิสราเอลจากการโจมตีสถานที่ผลิตน้ำมันของอิหร่าน เนื่องจากมีความกังวลว่า สถานที่ผลิตน้ำมันของพวกเขาอาจจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีจากพันธมิตรของอิหร่าน หากความขัดแย้งลุกลาม
ราคาน้ำมันยังถูกกดดัน เนื่องจากพายุเฮอริเคนมิลตันพัดเข้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากที่พัดถล่มฟลอริดาอย่างหนัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน และทำให้ประชาชนหลายล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้
เยป จุน รอง นักกลยุทธ์ตลาดจาก ไอจี (IG) ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับสต๊อกน้ำมันดิบที่ระดับสูง และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่อาจช้ากว่าที่คาด ทำให้การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันหยุดชะงักลง
ในด้านอุปทานนั้น บริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบีย (NOC) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า บริษัทได้ฟื้นฟูการผลิตน้ำมันกลับไปที่ระดับก่อนเกิดวิกฤตของธนาคารกลาง โดยแตะระดับ 1.25 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทน้ำมันรายใหญ่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย โดยกำไรจากการกลั่นที่อ่อนแอจากการชะลอตัวของความต้องการเชื้อเพลิงทั่วโลกและการซื้อขายน้ำมันที่ลดลง ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 3 ของบริษัทบีพี (BP) ของอังกฤษ ลดลงมากถึง 600 ล้านดอลลาร์