โดย Ambar Warrick
Investing.com -- ราคาน้ำมันทำกำไรเป็นรอบที่สองติดต่อกันในวันศุกร์ หลังจากข้อมูลสินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ และการเปิดพรมแดนจีน-ฮ่องกงอีกครั้ง ทำให้เกิดแนวโน้มเชิงบวกบางประการสำหรับอุปสงค์ แม้ว่าความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดขึ้นจะยังคงทำให้ราคาน้ำมันดิบยังคงขาดทุนรายสัปดาห์อยู่
ในขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน EIA แสดงให้เห็นว่า สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่นี้ได้รับแรงหนุนจากคลังน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์ถึง 3 ล้านบาร์เรล
การลดลงอย่างมากของ ดัชนียอดคงเหลือของน้ำมันดินประจำสัปดาห์จาก EIA และการลดลงของ น้ำมันเบนซินคงคลัง ยังแสดงให้เห็นว่าการบริโภคน้ำมันดิบยังคงแข็งแกร่งตลอดช่วงเทศกาลวันหยุด
จีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จะเปิดพรมแดนติดกับฮ่องกงอีกครั้งภายในวันที่ 8 มกราคม ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งจากนโยบายปลอดโควิดที่เข้มงวดของประเทศ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเพิ่มความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศในที่สุด ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นให้อุปสงค์น้ำมันฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.8% เป็น 79.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 1.1% เป็น 74.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 21:23 น. ET (02:23 GMT) แม้ว่าสัญญาทั้งสองจะฟื้นตัวเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ แต่สัญญาทั้งสองยังคงลดลงประมาณ 7.5% ในสัปดาห์นี้หลังจากเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการทำผลงานไม่ไม่ค่อยดีนัก
ความแข็งแกร่งของค่าเงิน ดอลลาร์ ได้จำกัดการทำกำไรของน้ำมันดิบในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนรอข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงตัวเลขที่ผ่อนคลายลงในตลาดการจ้างงานที่ตึงตัวของประเทศ
แต่ตลาดก็กังวลถึงสัญญาณของความยืดหยุ่นในตลาดงาน ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีที่ว่างมากขึ้นในการกระชับนโยบายการเงินขึ้นอีก
รายงานบันทึกการประชุมของธนาคารกลางเดือนธันวาคมยังแสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่พวกเขายังเรียกร้องให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงต่อไปอีก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบลดลง
ราคาน้ำมันดิ่งลงในสองช่วงแรกของปี 2023 หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศเตือนถึงภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในประเทศเศรษฐกิจหลักหลายแห่ง ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากสองประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้แก่ สหรัฐฯ และจีน ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการผลิตของทั้งสองประเทศหดตัวในเดือนธันวาคม
ผู้ติดเชื้อโควิด19 ที่เพิ่มขึ้นในจีนยังสร้างความหวาดกลัวต่อการเปิดประเทศอีกครั้ง เพราะในขณะที่รัฐบาลได้ผ่อนปรนนโยบายปลอดโควิดที่เข้มงวดนั้น ส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยโควิด19 ในประเทศพุ่งขึ้นสูงอย่างเลวร้ายที่สุด ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่าอาจขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้นและทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น