หลังจากการปฏิบัติการทางทหารที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง ราคาน้ํามันก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเบรนท์เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ แตะ 74.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่น้ํามันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์ดีเดิร์ต (WTI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 88 เซนต์เป็น 70.71 ดอลลาร์ ราคาที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นหลังจากการพุ่งสูงขึ้นในวันอังคาร โดยเกณฑ์มาตรฐานน้ํามันดิบทั้งสองพุ่งขึ้นกว่า 5%
ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นหลังจากอิหร่านยิงขีปนาวุธมากกว่า 180 ลูกที่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การกระทําของอิสราเอลต่อเฮซบอลเลาะห์ใน
ความขัดแย้งได้ทําให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นกับการจัดหาน้ํามันอิหร่าน โดย ANZ อิหร่าน lation="Research">Research เน้นย้ําถึงการมีส่วนร่วมโดยตรงของอิหร่านในการสู้รบ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลได้เตือนถึงผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่าน และเตหะรานได้ขู่ว่าจะทําลายล้างอย่างกว้างขวางหากถูกตอบโต้ ซึ่งทําให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้าง
นักเศรษฐศาสตร์ของ Capital Economics ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความเสี่ยงของการบานปลายครั้งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน ซึ่งอาจดึงสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ความขัดแย้ง เนื่องจากอิหร่านมีส่วนสนับสนุนประมาณ 4% ของผลผลิตน้ํามันทั่วโลก จึงมุ่งเน้นไปที่ว่าซาอุดิอาระเบียอาจเพิ่มการผลิตหรือไม่หากอุปทานของอิหร่านไม่อยู่ใน OPEC
วันนี้คณะรัฐมนตรีจาก OPEC และพันธมิตรที่รู้จักกันในชื่อ OPEC+ มีกําหนดที่จะร่วม OPECe เพื่อทบทวนตลาดน้ํามัน แม้จะมีสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม OPEC+ ซึ่งรวมถึงรัสเซียวางแผนที่จะเพิ่มผลผลิตเพิ่มขึ้น 180,000 บาร์เรลต่อวันในแต่ละเดือน
ศักยภาพในการเพิ่มการผลิตตามแผนเหล่านี้อาจช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานที่เกิดจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
ในข่าวที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลสต็อกของสหรัฐฯ นําเสนอภาพที่หลากหลาย จากตัวเลขจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน สินค้าคงคลังน้ํามันดิบและน้ํามันกลั่นลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่สินค้าคงคลังน้ํามันเบนซินเพิ่มขึ้น
รอยเตอร์มีส่วนร่วมในบทความนี้
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน