Investing.com - ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในเอเชียในวันพุธเนื่องจากข้อมูลคงคลังของสหรัฐฯส่งผลต่อความเชื่อมั่น และจากการคาดการณ์การชะลอตัวของอุปสงค์ในปี 2018 โดย IEA
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ฟิวเจอร์สส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 1.15% มาอยู่ที่ 55.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลขณะที่น้ำมันเบรนท์ใน London's Intercontinental Exchange ร่วงลง 0.02% มาอยู่ที่ 61.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
คงคลังน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 6.531 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา (American Petroleum Institute) เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่าผิดจากการคาดการณ์ว่าจะลดลง ขณะที่คงคลังน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.399 ล้านบาร์เรล และน้ำมันกลั่นลดลง 2.572 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้คาดว่าน้ำมันดิบในสหรัฐฯจะลดลง 2.850 ล้านบาร์เรล และคาดว่าน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.775 ล้านบาร์เรล และคงคลังน้ำมันเบนซินคาดว่าจะลดลง 1,025 ล้านบาร์เรล
ประมาณการของ API จะออกก่อนข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก Energy Information Administration ในวันพุธนี้โดยตัวเลข API และ EIA มักแตกต่างกัน
เมื่อคืนราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอยู่ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ หลังจากที่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์ทั่วโลก และคาดการณ์ว่าผู้ผลิตในสหรัฐจะผลิตมากขึ้น
ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันหลังจาก EIA รายงานว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกลดลงในรายงานประจำเดือน ในขณะที่เตือนว่าตลาดน้ำมันทั่วโลกจะมีอุปทานส่วนเกินในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2018
IEA ปรับลดประมาณการการใช้น้ำมันลง 100,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ และปี 2018 เป็นประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับเนื่องจากอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นคาดว่าจะส่งผลต่อการใช้น้ำมัน ขณะที่ผลผลิตเพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้อุปสงค์ล้นตลาด
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าการที่สมาชิก OPEC ปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อลดการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 96% ในเดือนตุลาคมจาก 87% ในเดือนกันยายน
ในเดือนพฤษภาคมผู้ผลิต OPEC ตกลงที่จะขยายการลดการผลิตเป็นระยะเวลาเก้าเดือนจนถึงเดือนมีนาคม โดยลดการผลิตได้ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันตามข้อตกลงในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว