InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันอังคาร (3 ธ.ค.) หลังจากอิสราเอลขู่ว่าจะโจมตีเลบานอนหากข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ล้มเหลว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 69.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.49% ปิดที่ 73.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
แหล่งข่าว 4 รายเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า กลุ่มโอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะประกาศขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงสิ้นไตรมาส 1/2568 ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ (5 ธ.ค.) โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงราคาน้ำมัน จากเดิมที่ระบุว่าจะเริ่มยุติการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันสิ้นเดือนธ.ค. 2567
เดิมทีนั้น กลุ่มโอเปกพลัส ซึ่งผลิตน้ำมันราวครึ่งหนึ่งของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก มีแผนว่าจะทยอยยุติการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน รวมถึงค่อย ๆ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในช่วงปลายปี 2567 ไปจนถึงปี 2568 อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก รวมถึงการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัส ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการดังกล่าว และยังเป็นปัจจัยฉุดราคาน้ำมันร่วงลงด้วย
ส่วนสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์นั้น เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเตือนว่า กองทัพอิสราเอลจะตอบโต้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอิสราเอลซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนเลบานอนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยประณามว่าการกระทำของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซึ่งมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์ที่แล้ว
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 พ.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้