Investing.com - ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นในตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ โดยฟื้นตัวเล็กน้อยหลังจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง ส่งผลให้เกิดการขาดทุนอย่างหนักในเซสชั่นก่อนหน้า
น้ำมันเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 0.7% เป็น 71.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.7% เป็น 67.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 09:10 น. (GMT+7)
สัญญาทั้งสองร่วงลงกว่า 6% ในวันจันทร์หลังจากการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันและนิวเคลียร์ของเตหะราน
การโจมตีดังกล่าวได้ลดทอนความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่อาจรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าหากมีการโจมตีต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่านมันจะนำไปสู่การตอบโต้ที่รุนแรงจากเตหะราน
ทั้งหมดที่กล่าวมาได้ทำให้นักลงทุนเร่งลดราคาค่าพรีเมี่ยมความเสี่ยงในน้ำมันลง
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังมีอยู่ จับตาการตอบโต้ของอิหร่าน
ความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานในตะวันออกกลางถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากอิหร่านโจมตีอิสราเอลในช่วงต้นเดือนตุลาคม
ซึ่งการโจมตีของอิสราเอลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้การโจมตีดังกล่าว
เตหะรานได้ลดทอนความสำคัญในผลกระทบของการโจมตี แต่ยังคงขู่ว่าจะตอบโต้ต่ออิสราเอลต่อการโจมตีนี้ ซึ่งทำให้ความเสี่ยงในตะวันออกกลางนั้นยังคงอยู่
อิสราเอลยังคงแสดงท่าทีที่จะดำเนินการโจมตีต่อฮามาสและฮิซบอลเลาะห์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความหวังของการหยุดยิงในตะวันออกกลางยังคงห่างไกล
ตลาดน้ำมันเตรียมรับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ และข้อมูลเศรษฐกิจ
ความเชื่อมั่นต่อน้ำมันยังคงอยู่ในภาวะอ่อนไหวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ โดยค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นก่อนการเลือกตั้ง กดดันตลาดน้ำมันเนื่องจากนักลงทุนเตรียมรับมือกับการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเข้มข้นระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริส
ผลสำรวจและตลาดการทำนายล่าสุดชี้ให้เห็นว่าทรัมป์มีคะแนนนำแฮร์ริส ซึ่งหากทรัมป์ชนะก็คาดว่าจะมีนโยบายที่เกี่ยวกับเงินเฟ้อในเดือนถัดไป
อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลสหรัฐฯ นั้นยังบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของประเทศต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง
ก่อนการเลือกตั้ง โฟกัสในขณะนี้จึงยังอยู่ที่การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจากเศรษฐกิจชั้นนำหลายแห่งในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความต้องการ
ข้อมูล PMI จากผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอย่างจีนกำลังจะมีการประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ ตามด้วยข้อมูล GDP ของสหรัฐฯ ประจำไตรมาสที่สาม
ด้านรายงาน ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดนิยมใช้ ก็กำลังจะมีการประกาศในวันศุกร์ พร้อมกับข้อมูล การจ้างงานนอกภาคเกษตร ประจำเดือนตุลาคม