Cyber Monday Deal: ลดสูงสุด 60% InvestingProรับส่วนลด

แบงก์ใหญ่สหรัฐฯ คาดราคาทองพุ่งต่อเนื่องถึงปีหน้า จ่อดีดแรงถึง 3,000 ดอลลาร์

เผยแพร่ 22/10/2567 17:05
แบงก์ใหญ่สหรัฐฯ คาดราคาทองพุ่งต่อเนื่องถึงปีหน้า จ่อดีดแรงถึง 3,000 ดอลลาร์
GS
-
JPM
-
GLD
-

InfoQuest - นักวิเคราะห์ของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะเดินหน้าทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

ซิตี้ รีเสิร์ช (Citi Research) ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในช่วง 3 เดือนข้างหน้าขึ้นสู่ระดับ 2,800 ดอลลาร์/ออนซ์ จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2,700 ดอลลาร์ และคาดว่าในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้านี้ราคาทองจะทะยานขึ้นจนถึงระดับ 3,000 ดอลลาร์ โดยระบุถึงความเป็นไปได้ที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และแรงซื้อกองทุน ETF ทองคำ

"เราคาดว่าทองคำยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในช่วงปลายวัฏจักรอย่างชัดเจน โดยคาดว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าทองคำจะได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งเดินหน้าเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เราคาดว่าราคาทองคำจะได้ประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น" ซิตี้ รีเสิร์ช ระบุในรายงาน

ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุในรายงานว่า "เรายังคงแนะนำให้ลูกค้าถือครองทองคำ เนื่องจากเชื่อว่าราคาทองจะได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ทองคำยังได้ประโยชน์ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเงิน และภาวะเศรษฐกิจถดถอย"

ทางด้านเจพีมอร์แกน (JPMorgan) ระบุว่า "อุปสงค์ทองคำที่แข็งแกร่งจากจีนและธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่การที่นักลงทุนทั่วไปยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดตั้งกองทุน ETF ทองคำที่มุ่งเน้นลูกค้ารายย่อยนั้น จะช่วยให้ราคาทองคำยังคงรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เฟดเริ่มต้นวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย"

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เฟดได้เริ่มวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมอีก 1% ในปีหน้า

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นอกจากนี้ ทองคำยังถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย