Investing.com - ราคาน้ำมันทรงตัวในตลาดเอเชียวันนี้ หลังดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนตลอดสองวันที่ผ่านมา โดยความสนใจส่วนใหญ่ยังคงโฟกัสไปที่ข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้
น้ำมันดิบได้รับประโยชน์จากปริมาณการซื้อขายที่น้อยลงในวันจันทร์ เนื่องจากวันหยุดราชการในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา น้ำมันยังได้รับประโยชน์จากการซื้อต่อรองราคาหลังร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ในสัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อเวลา 20:49 ET (00:49 GMT) น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนกรกฎาคมขยับลง 0.1% เป็น 83.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 78.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
จับตาข้อมูลเงินเฟ้อหาสัญญาณอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ในสัปดาห์นี้ความสนใจของตลาดจะมุ่งไปที่ข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญจากสหรัฐฯ และเศรษฐกิจชั้นนำอื่น ๆ
ในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดชอบใช้นั้นจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ และคาดว่าจะชี้ให้เห็นว่าเงินเฟ้อกำลังเย็นลงเล็กน้อย แต่ตัวเลขคาดว่าจะยังสูงกว่าขอบเขตเป้าหมาย 2% ต่อปีของเฟดอยู่มาก ซึ่งทำให้ธนาคารกลางมีแรงจูงใจในการคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นต่อไปได้นานขึ้น
ความกังวลของเฟดถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนเตือนว่าเงินเฟ้อที่ยังคงสูงจะทำให้ธนาคารไม่สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินได้ อีกทั้งท่าทีของพวกเขายังช่วยหนุนเงิน ดอลลาร์ ซึ่งกดดันราคาต่อไปอีกด้วย
อัตราดอกเบี้ยที่สูงคาดว่าจะขัดขวางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะกดดันอุปสงค์น้ำมัน
ข้อมูลเงินเฟ้อจาก ยูโรโซน ออสเตรเลีย และ ญี่ปุ่น ก็จะมีการเปิดเผยตลอดสัปดาห์นี้ และน่าจะส่งผลต่อความคาดหวังของนโยบายการเงินสำหรับธนาคารกลางของประเทศเหล่านั้น
ตลาดยังมีการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางยุโรปในสัปดาห์หน้า
นอกเหนือจากข้อมูลเงินเฟ้อแล้ว ข้อมูล PMI จากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่สุดก็มีกำหนดการณ์เปิดเผยในสัปดาห์นี้เช่นกัน
จับตาการประชุม OPEC+ หาสัญญาณอุปทาน
นอกจากนี้ตลาดยังจะให้ความสนใจกับการประชุมที่จะมาถึงขององค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ซึ่งจะจัดขึ้นทางออนไลน์ในวันที่ 2 มิถุนายน
โดยประเด็นสำคัญจะอยู่ที่ว่ากลุ่มผู้ค้าน้ำมันจะมีการขยายเวลาการลดกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันไปเกินกำหนดการณ์ที่วันที่ 30 มิถุนายนหรือไม่
OPEC+ ได้ลดกำลังการผลิตในปีที่ผ่านมานี้เพื่อสนับสนุนราคาน้ำมัน แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวกลับให้การสนับสนุนต่อราคาได้เพียงชั่วคราว เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ซบเซา