InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2566 นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 3.02% ปิดที่ 77.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 2.99% ปิดที่ 82.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
บ็อบ ยอว์เกอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Mizuho กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังสหรัฐเปิดเผย GDP ไตรมาส 4/2566 ขยายตัว 3.3% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.0% ซึ่งทำให้ตลาดมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มอุปสงค์พลังงาน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกลางจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ผู้นำกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนประกาศเมื่อวานนี้ว่า ฮูตีจะเดินหน้าโจมตีเรือบรรทุกสินค้าทุกลำที่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล จนกว่าความช่วยเหลือจากนานาประเทศจะเข้าถึงประชาชนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา นอกจากนี้ การที่กองทัพยูเครนได้ส่งโดรนโจมตีโรงงานน้ำมันของรัสเซียยังส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันในตลาดโลก
จอห์น คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Again Capital LLC กล่าวว่า ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวและจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) 0.50% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ก.พ. ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินในระยะยาวไหลเข้าสู่ระบบจำนวน 1 ล้านล้านหยวน (1.39 แสนล้านดอลลาร์)