InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (9 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า วิกฤตการณ์ในตะวันออกกลางและการที่ลิเบียยังคงปิดบ่อน้ำมันขนาดใหญ่นั้น จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 72.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
ลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังคงปิดบ่อน้ำมันชารารา (Sharara) ซึ่งเป็นหนึ่งในบ่อน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ของประเทศและมีกำลังการผลิตสูงถึง 300,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากประสบปัญหาการประท้วงของคนงาน
บรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียได้ตัดสินใจประกาศภาวะสุดวิสัย (Force Majeure) ที่บ่อน้ำมันชาราราหลังจากบ่อน้ำมันแห่งนี้ถูกสั่งปิด โดยภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) เตือนว่า สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซามีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นปี 2567 และอาจจะลุกลามไปสู่แนวรบอื่น ๆ เนื่องจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเลบานอนที่อิหร่านให้การสนับสนุน กำลังรุกคืบเข้าทำสงครามกับอิสราเอล
ทั้งนี้ คำเตือนดังกล่าวของ IDF ทำให้นักลงทุนมองว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีแนวโน้มบานปลายและทวีความรุนแรง และอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาคแห่งนี้
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ม.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้