โดย Barani Krishnan
Investing.com - ภาพรวมของตลาดพลังงานและโลหะมีค่าในสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
ภาพรวมของตลาดพลังงาน
ราคาน้ำมันขยับลงเมื่อวันศุกร์แม้จะส่งมอบขาขึ้นรายสัปดาห์ก็ตาม ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและกลุ่ม OPEC-รัสเซียได้ส่งสัญญาณสิ้นสุดความสัมพันธ์ที่เกื้อหนุนตลาดน้ำมันมาตลอด 4 ปี
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัส ขยับลง 50 เซนต์หรือ 1% ที่ $53.38 ต่อบาร์เรล หลังจากเมื่อพฤหัสบดีได้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ $54.63 ต่อบาร์เรล และปิดสัปดาห์ในแดนบวก 2.6%
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ติดลบ 81 เซนต์หรือราว 1.4% เท่ากับ $58.50 ต่อบาร์เรล สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ขึ้นไปแตะระดับสูงสูดในรอบสามสัปดาห์เมื่อวัน $59.99 และปิดบวก 2.1% สำหรับสัปดาห์ที่แล้ว
จีนได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 118 รายและจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 1,109 รายเมื่อวันศุกร์ ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดกว่า 2,000 รายและมีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดถึง 45,000 รายแล้ว ขณะที่เกาหลีใต้ได้รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าถึง 100 ราย และจำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นอีก 80 ราย
นอกจากนี้กิจกรรมภาคโรงงานญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ก็ยังหดตัวลงสู่ระดับที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 7 ปีด้วย
ที่ผ่านมาก่อนหน้าวันศุกร์ราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้นโดยไม่ย่อตัวลงมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ แต่กลับได้รับแรงกดดันหลังจากมีความเป็นไปได้ที่ OPEC และรัสเซียจะยุติความสัมพันธ์ตามเจตจำนงของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันภายในรัสเซียทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมมือกันมานับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2016 เพื่อรักษาสมดุลของอุปทานน้ำมันโลกท่ามกลางปริมาณน้ำมันดิบที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากบรรดาผู้ผลิตหินน้ำมันภายในสหรัฐฯ
ทว่าในการประชุมด่วนเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัสเซียได้ปฏิเสธความต้องการของซาอุฯ ที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มอีกในอัตรา 600,000 บาร์เรลต่อวัน
สำนักข่าว Wall Street Journal ได้รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ซาอุดิอาระเบีย คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อไปโดยไม่พึ่งพารัสเซีย โดยกลุ่มประเทศดังกล่าวมีกำหนดการเจรจากันอีกครั้งในสัปดาห์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันร่วมกันในอัตราที่มากที่สุดถึง 300,000 บาร์เรล
ปฏิทินตลาดพลังงานสัปดาห์นี้
วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์
ตัวเลขคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก Genscape Cushing (ตัวเลขภาคเอกชน)
วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ รายสัปดาห์จาก สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา
วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์
วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์
วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์
ภาพรวมของตลาดโลหะมีค่า
ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดใน 7 ปีเมื่อวันศุกร์ และส่องมอบขาขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 4 ปี โดยนักวิเคราะห์หลายท่านต่างก็หมายตาไว้ที่ระดับ $1,700 ซึ่งน่าจะเป็นแนวต้านถัดไปสำหรับราคาทองคำ
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าสำหรับการส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดโคเม็กซ์ของนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ปิดบวก $28.30 หรือราว 1.7% ที่ $1,648.80 ต่อออนซ์ โดยระดับสูงสุดระหว่างวันที่ $1,651.85 ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2013 และในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ทะยานขึ้นมาถึง 4.2% ซึ่งเป็นขาขึ้นครั้งใหญ่นับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2016
ราคาทองคำโลก บวกขึ้น $24.56 หรือคิดเป็น 1.5% เท่ากับ $1,643.97 เมื่อเวลา 14:44 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (19:44 GMT) โดยก่อนหน้านี้ราคาทองคำโลกได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ $1,649.04
ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งราคาทองคำโลกและ สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ต่างก็ปรับขึ้นมาเกือบ 4% ในลักษณะเดียวกันกับเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาและมุ่งหน้าส่งมอบขาขึ้นรายเดือนเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน ทำให้ปีนี้ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วถึง 8%
Citigroup คาดว่าราคาทองคำจะแตะระดับ $1,700 ในอีก 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้า และระดับ $2,000 ในอีก 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า
แต่ยิ่งไปกว่านั้น ราคาทองคำไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลือกการลงทุนเพื่อหลีกหนีความเสี่ยงจากการระบาด แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เฟดจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งด้วย
Morse กล่าวว่า “ราคาทองคำและอัตราดอกเบี้ยขณะนี้ดูเหมือนจะส่งสัญญาณบอกให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง หากเฟดต้องการที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย"