ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และสกุลเงินยังคงปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ขานรับการปกครองประเทศแบบเบ็ดเสร็จโดยพรรคเดโมแครต ตลาดเลือกที่จะไม่สนใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เดโมแครตสามารถครองทั้งสามสภาได้สำเร็จ ความวุ่นวายในช่วงเช้าของวันนี้ตามเวลาประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อผู้สนับสนุนทรัมป์ได้บุกเข้าทำเนียบขาวเพื่อขัดขวางการโหวตรับประธานาธิบดีคนใหม่โดยคณะผู้เลือกตั้งทั้งๆ ที่รู้ว่ามีโอกาสน้อยนิดที่จะพลิกผลการเลือกตั้งครั้งนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถึงไม่สะทกสะท้านกับข่าวที่เกิดขึ้นเพราะการมาของโจ ไบเดนในตอนนี้คือสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
หากมองในแง่ของการเมืองที่จะนำไปสู่ทิศทางเศรษฐกิจแล้ว การครองทั้งทำเนียบขาวและสภาสูงของเดโมแครตนั้นจะทำให้โจ ไบเดนสามารถออกนโยบายหรือมาตรการใดๆ ก็ได้ตามที่เขาต้องการไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการขึ้นภาษีกับบริษัทเอกชน อ้างอิงจากคำพูดของสมาชิกวุฒิสภานายชัค ชูเมอร์ กล่าวว่าสิ่งแรกที่โจ ไบเดนจะทำหลังขึ้นรับตำแหน่งอาจเป็นการอนุมัติเงินเยียวยาประชาชนคนละ $2,000 การขึ้นภาษีถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่นักลงทุนในตลาดจะให้ความสนใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเพื่อหวังว่าจะสามารถทำให้ตลาดหุ้นยังสามารถคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อไปได้ ด้วยวิธีคิดเช่นนี้จึงทำให้นักลงทุนในตลาดมีความมั่นใจกับตลาดหุ้นและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 1% ได้เป็นครั้งแรกในรอบเก้าเดือน นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถเติบโตได้ดีขึ้นด้วยในปีนี้
สกุลเงินที่ทำผลงานขาขึ้นได้ดีที่สุดเมื่อวานนี้ยังคงเป็นของดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ สกุลเงินยูโรและปอนด์อ่อนค่าเพราะรายงานตัวเลขดัชนี PMI ของเดือนธันวาคมออกมาลดลง สกุลเงินดอลลาร์แคนาดาไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบแต่ถูกกดดันจากความเชื่อของนักลงทุนว่าตัวเลขดุลบัญชีการค้าและดัชนี PMI จากสถาบัน IVEY จะออกมาลดลงในวันนี้เพราะเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมถือเป็นเดือนที่หนักสำหรับแคนาดา ส่วนสกุลเงินปอนด์เราเชื่อว่าจะยังคงได้รับแรงกดดันให้อ่อนค่าลงจากมาตรการคุมเข้มโควิดภายในประเทศต่อไป