สำหรับนักลงทุนที่ชอบศึกษาวิธีการหามูลค่าหุ้น คงรู้จักนาย Aswath Damodaran ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ที่ New York University และถือว่าเป็นปรมาจารย์การหามูลค่าหุ้นชื่อดังของโลก
ท่านได้ให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับทาง CNBC เกี่ยวกับราคาหุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA) ที่ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 233% จากต้นปีที่ราคาเพียง $430 ต่อหุ้นดังนี้
Tesla ได้รับผลบวกจากวิกฤตโควิด-19 ในเเง่ที่วิกฤตครั้งนี้ได้ไปทำให้บริษัทรถยนต์ที่ทำธุรกิจแบบเก่าและต้องใช้เงินจำนวนมากในการขยายกิจการ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนแผนงานเพื่อแข่งขันกับ Tesla ได้
หุ้นตัวนี้เป็น Story Stock ที่ราคาหุ้นไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยพื้นฐานของธุรกิจ
ถ้าคุณต้องการลงทุนในหุ้นตัวนี้แล้วคาดหวังการหามูลค่าหุ้นจากกำไรหรือกระแสเงินสด เพื่อสามารถคิดลดกลับมาหามูลค่าของหุ้นได้ตามหลัก DCF คุณคงจะคิดผิดไปแล้ว
ตอนนี้ราคาที่ซื้อขายขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนักลงทุนและโมเมนตัมของหุ้นที่วิ่งขึ้นไป
ถ้าถามว่าท่านจะซื้อที่ราคาปัจจุบันไหม ท่านตอบว่าคงจะไม่ซื้อ
แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่เข้าลงทุนหุ้นในตอนนี้คิดผิดหรือบ้า เพราะแต่ละคนมีเหตุผลในการซื้อหุ้นของตนเองที่แตกต่างกัน
โดยสรุปท่านมองว่าการหามูลค่าหุ้นแบบที่ทุกท่านคุ้นเคยคือการดูการกำไรและกระแสเงินสดอิสระ ไม่สามารถใช้ได้กับการหามูลค่าหุ้นของ Tesla
การที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในตอนนี้เพราะมีความเชื่อในอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ และเชื่อมั่นในตัวผู้ก่อตั้งอย่างนาย Elon Musk มากกว่า
การหามูลค่าของหุ้นที่ยังไม่มีกำไรแต่มีการเติบโตในแง่ของรายได้สูงมากๆ เช่นหุ้น Tesla และหุ้นในธุรกิจ Software as a Services (SaaS) นั้น นักลงทุนอาจจะต้องพลิกตำราการหามูลค่าหุ้นแบบเดิม
แล้วเปิดใจใช้วิธีการหามูลค่าหุ้นแบบ Price per Sales (P/S) แทน
อัตราส่วนนี้บอกเราว่าเงินลงทุนที่จ่ายทุกๆบาทสามารถสร้างรายได้เป็นกี่เท่าของเงินลงทุน
หุ้นพวก SaaS ชื่อดังมีอัตราส่วนดังนี้
SalesForce.com โซลูชั่น CRM เบอร์หนึ่งของโลกที่รายได้เติบโตปีละ 26% แบบทบต้นมาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราส่วน P/S อยู่ที่ 9.48 เท่า
DocuSign โซลูชั่นเซ็นสัญญาและจัดเก็บออนไลน์ รายได้เติบโตในไตรมาสล่าสุด 38% มีอัตราส่วน P/S อยู่ที่ 33.56 เท่า
Square โซลูชั่นที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลางมีระบบการรูดบัตรเครดิต เป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆที่เสียบเข้ากับมือถือหรือแท็ปเล็ต แล้วสามารถรูดบัตรเครดิตได้เลย
ช่วยให้ธุรกิจลดความกังวลเกี่ยวกับการติดตั้งระบบชำระเงิน และลดค่าใช้จ่ายการเช่าเครื่องรูดบัตรแบบเดิมจากผู้ออกบัตร
นอกจากนี้ Square ยังมีระบบ Cash App ที่ให้ผู้ใช้สามารถโอนเงินระหว่างกัน และต่อยอดไปซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลได้อีกด้วย
ปัจจุบันมีรายได้เติบโตปีละ 40.85% แบบทบต้นมาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราส่วน. P/S อยู่ที่ 11.49 เท่า
ถ้าเปรียบเทียบกับบริษัทที่เติบโตสูงอย่าง Amazon ที่มีรายได้เติบโตปีละ 25.81% แบบทบต้นมาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราส่วน P/S อยู่ที่ 5.35 เท่า
เปรียบเทียบกับ Tesla ที่มียอดขายปี 2019 ที่ $26,021 ล้าน และมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $258,457 ล้าน รายได้เติบโตปีละ 50.36% แบบทบต้นมาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราส่วน P/S อยู่ที่ 9.93 เท่า
ถ้าเลือกได้เราจะเลือกลงทุนตัวไหนกันดี?
โดยส่วนตัวไม่ได้ลงทุนในหุ้นที่กล่าวมาทั้งหมด แต่ถ้าให้เลือก ขอเลือกศึกษาเจ้าใหญ่ที่ชนะขาด และมี P/S ต่ำกว่า เพราะน่าจะปลอดภัยกว่า
ทั้งหมดนี้ไม่ได้แนะนำให้รีบเข้าลงทุน เพียงแค่แชร์มุมมองการหามูลค่าของหุ้นเติบโตสูง แต่กำไรยังไม่มา จึงไม่สามารถใช้วิธีการแบบคิดลดกระแสเงินสดและกำไรต่อหุ้นได้
ลงทุนด้วยความระมัดระวัง ช่วงนี้หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้นมากครับ #หุ้นอเมริกา
บทวิเคราะห์จาก เพจ Billionaire VI
♦Tesla ประกาศอาจผลิตรถยนต์ไร้คนขับได้ภายในสิ้นปีนี้ หุ้น Tesla ดีดแตะ 1,400 เหรียญ!