คาด SET INDEX แกว่งในกรอบ 1360 - 1375 แม้จะมีแรงหนุนจาก Dow Jones ที่ ปิดบวก 2% ตอบรับต่อยอดค้าปลีกสหรัฐที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาด
แต่ตลาดหุ้นเอเชีย เช้านี้อย่าง Nikkei กลับเคลื่อนไหวแดนลบสะท้อนการปรับตัวขึ้นแรงวานนี้สะท้อน ข่าวดีไปในราคาระดับนึงแล้ว ขณะเดียวกันเมื่อคืนนายเจอโรม พาวเวลได้ออกมา แถลงรอบครึ่งปีโดยยอมรับว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์ จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าประชาชนจะมั่นใจว่าไวรัสได้ถูกควบคุมแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณที่เรา ประเมินเป็นตัวจำกัด Upside ดัชนี
กดดูกราฟดัชนี Dow Jones ล่าสุด
ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้ที่ประชุม ครม. ได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทยตามที่คาดหมายไว้ในบทวิเคราะห์วานนี้ แบ่งออกเป็น
(1) "กำลังใจ" โดยจะสนับสนุนค่าเดินทางของ (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลรวม 1.2 ล้านคนให้เดินทางกับบริษัทนำเที่ยวโดยรัฐจะสนับสนุนเงินให้คนละ 2 พันบาทรวมเป็นวงเงิน 2.4 พันล้านบาท
(2) "เที่ยวปันสุข" สนับสนุนค่าโดยสารตั๋ว เดินทางในประเทศโดยสายการบินในประเทศซึ่งรัฐจะช่วยค่าโดยสาร 40% แต่ไม่เกิน 1 พันบาทรวม 2 ล้านคน
(3) "เราไปเที่ยวกัน" รัฐจะสนับสนุนค่าที่พัก 40% แต่ไม่ เกิน 3 พันบาท / คืน พร้อมสนับสนุนค่าอาหารและค่าใช้จ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการกับ ททท. ราว 600 บาท
โดยทั้ง 3 มาตรการคิดเป็นวงเงินราว 2.24 หมื่นล้านบาท สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์มองว่าจะเป็นกลุ่มสายการบิน (AAV BA) กลุ่มโรงแรม (AWC ERW SHR) กลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL (BK:CPALL)) แต่ตัวที่คาดจะได้ ประโยชน์สูงสุดจะเป็น (AAV ERW) เนื่องจากเป็นสายการบินและโรงแรมราคา ประหยัด ดังนั้นเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงเป็นลักษณะ Trading และควรเลือกหุ้นมีปัจจัยบวก สายการบิน (AAV BA) โรงแรม (AWC ERW SHR) ค้าปลีก (BJC CPALL) ร้านนวด (SPA) CGS Coverage ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ (CBG SAPPE TACC)
Stock Pick
เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ BK:BJC) (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 55 บาท) ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 55 บาท จากเดิม 43 บาทเนื่องจากปรับไปใช้กำไรปี 21 โดยประเมินว่า EPS21E จะเติบโตสูงถึง 42%YoY เนื่องจาก
(1) MINI BIG C คาดจะเห็นการขยายสาขาต่อเนื่องในปี 21 เบื้องต้นคาดว่าบริษัทจะขยายสาขาเพิ่ม 300 สาขาเป็น 1550 สาขา พร้อมคาดสัดส่วนรายได้จาก MINI BIG C จะเพิ่มขึ้นเป็น 22% ในปี 21 จาก 18% ในปี 20 ของรายได้รวมจาก Modern Retail
(2) คาดยอดขายต่อสาขาจะพ้นจุดต่ าสุดช่วง 2Q20 เบื้องต้นคาด SSSG ติดลบหนัก 18% อย่างไรก็ตามจากนั้นจะค่อยๆฟื้นตัวโดย คาดช่วง 4Q20E จะกลับมาทรงตัว
TOA Paint Thailand (BK:TOA) (ถือ / ราคาเป้าหมาย 33 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ "ถือ"
ในด้านธุรกิจสีสำหรับประเทศไทยบริษัทมีความแข็งแกร่งค่อนข้างสูง ด้วยการครองส่วน แบ่งการตลาดอันดับแรก อย่างไรก็ตามปัจจุบันความต้องการใช้สีของประเทศไทยเริ่ม เติบโตในอัตราชะลอตัวลงเนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ได้เกิดขึ้นเยอะ ในช่วงอดีตที่ผ่าน มาบริษัทจึงเริ่มปรับกลยุทธ์โดยการขยายไปต่างประเทศ โดยเรามองว่า S Curve ใหม่ที่น่าสนใจคือการเข้าไปทำตลาดในอินโดนิเซียที่มีความต้องการใช้สีเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ในเชิงงบดุลนั้นบริษัทมีความมั่นคงด้วยหนี้สินต่อทุนที่ต่ าเพียง 0.6x พร้อมกับเงินสดราว 2.8 พันล้านบาท ทำให้บริษัทมีความสามารถที่จะ M&A ได้ใน อนาคตรวมถึงพร้อมสำหรับการลงทุนใหม่ๆ
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th
บทความห้ามพลาด
หุ้นสหรัฐดีด 3 วันติดต่อกัน!หลังทรัมป์เตรียมทุ่ม 1 ล้านล้านเหรียญกระตุ้นเศรษฐกิจ