ราคาน้ำมันปรับลดลงจากข่าวที่นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ปลดออกจากตำแหน่ง ซึ่งถูกมองว่าเป็นการลดความเสี่ยงด้านการทหารลง แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามยังมีความคิดเห็นอีกส่วนหนึ่งเห็นว่าปริมาณสำรองและปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เริ่มลดน้อยลง ประกอบกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้นน่าจะช่วยผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นได้
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่าในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 6 กันยายนปริมาณน้ำมันสำรองลดลงไป 7.2 ล้านบาร์เรลไปอยู่ที่ระดับ 421.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือว่าลดลงไปค่อนข้างมากกว่าที่คาดไว้ที่ 2.7 ล้านบาร์เรล นักวิเคราะห์คาดว่า องค์กรข้อมูลด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) จะยืนยันการลดลงของปริมาณน้ำมันสำรองเช่นกันแต่อาจเพียง 4.8 ล้านบาร์เรล
ในส่วนของการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ นั้น เริ่มมีสัญญาณออกมาว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันน่าจะลดลงต่ำกว่า 100,000 บาร์เรลต่อวันในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2018 ซึ่งสามารถผลิดได้ถึง 600,000 บาร์เรลต่อวัน
กราฟราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสแบบรายวัน
แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลงหลังจากที่นายบอลตันต้องหลุดจากตำแหน่งไป แต่ก็ยังสามารถทรงตัวอยู่เหนือเส้นแนวโน้มขาลงที่ลากมาตั้งแต่เดือนเมษายนและเส้น 100 DMA ได้ และในขณะนี้ราคาเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ในแดนบวกได้แล้ว
รูปแบบการซื้อขายตั้งแต่ช่วงที่ราคาลงไปต่ำสุดในเดือนสิงหาคมได้เริ่มทำรูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้นรูปเล็กๆ หากพิจารณาจากจุดต่ำสุดที่ปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ กับปริมาณอุปทานที่เป็นแนวราบด้านบน
เส้น 50 และ 200 DMA ก็ยังคงพันกัน เนื่องจากเส้นแนวโน้มขาลงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 กับเส้นแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 ยังคงวิ่งชนกันเพื่อดูว่าใครจะส่งสัญญาณแนวโน้มที่ชัดเจนได้มากกว่ากัน
เส้น MACD เริ่มส่งสัญญาณซื้อบ่อยครั้งหลังจากที่เส้น MA ระยะสั้นไปชนกับเส้น MA ระยะยาวแล้วเด้งกลับอยู่หลายรอบ จนในที่สุดก็สามารถขยับขึ้นไปอยู่เหนือเส้นศูนย์ได้
เส้น RSI ชี้ให้เห็นว่ามีโมเมนตัมที่เป็นแรงหนุนให้ราคาสามารถทะลุกรอบขึ้นไปได้ หลังจากที่เกิดสัญญาณ positive divergence ขึ้นในช่วงที่ไต่ขึ้นจากเดือนมิถุนายนไปยังเดือนสิงหาคม ในขณะที่ราคากลับสวนทางลง
ในขณะนี้ แนวโน้มระยะสั้นยังคงเป็นขาขึ้น หลังจากที่ได้ขึ้นทำจุด peak และ trough ไปแล้วสองครั้งจากจุดต่ำสุดในเดือนสิงหาคม แต่ในระยะกลางราคาจะยังแกว่งตัวในแนวราบ
กลยุทธ์การซื้อขาย – สำหรับการเปิดสถานะ Long
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ควรรอให้ราคาตกลงมาหากรอบราคาด้านล่างซึ่งอยู่เหนือเส้นแนวโน้มขาลงที่ลากมาตั้งแต่เดือนเมษายนเสียก่อน
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจเปิดสถานะได้เมื่อราคาเริ่มตกไปยังกรอบราคาด้านล่าง หลังจากที่ปรากฏแนวรับขึ้นแล้ว
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจเข้าเปิดสถานะได้ทันทีโดยพิจารณาจากแนวรับของเส้นแนวโน้มขาลงที่ลากมาตั้งแต่เดือนเมษายนและจุดสูงสุดของรูปสามเหลี่ยมเป็นหลัก
ตัวอย่างการซื้อขาย
ราคาเข้า: $57
Stop-Loss: $56 ซึ่งอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาลงที่ลากมาตั้งแต่เดือนเมษายนและต่ำกว่ายอดของรูปสามเหลี่ยม
ความเสี่ยง: $1
เป้าหมาย: $60 ซึ่งเป็นตัวเลขทางจิตวิทยาแบบปัดเศษที่เป็นแนวต้านที่ระดับต่ำกว่าจุดสูงสุดของเดือนกรกฎาคม
ผลตอบแทน: $3
อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3