การ์ดไม่ตก...และต้องชกกลับให้ได้
ณ ปัจจุบันต้องถือว่าความสามารถในการรับมือกับวิกฤติ covid-19 ของประเทศไทยนั้นทำได้ดีมากในลำดับต้นๆของโลก แต่ความท้าทายที่เรากำลังจะต้องเผชิญก็คือแล้วเราจะทำยังไงกันต่อไป
หากเปรียบการต่อสู้กับ covid-19 เหมือนกันชกมวยบนสังเวียน
ขณะนี้หลายประเทศโดน covid-19 ชกลงไปนอนแผ่กับพื้นเวทีรายแล้วรายเล่า
ขณะที่ประเทศไทยยังยืนหยัดต่อสู้กับโควิคอยู่ได้ด้วยการตั้งการ์ดอย่างเข้มแข็ง
แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะลืมไปเสียไม่ได้ก็คือ
เราไม่สามารถเอาชนะการต่อสู้บนสังเวียนโดยใช้การตั้งการ์ดเพียงอย่างเดียว
ดังนั้น คำถามสำคัญที่เราจะต้องตอบในขณะนี้ก็คือเราจะชกกลับเมื่อไหร่?
เพื่อที่จะตอบคำถามดังกล่าวผมมีประเด็นที่อยากจะนำเสนอ ดังนี้
1.) อย่าพอใจในถ้วยรางวัลจนลืมคว้าเงินรางวัล
ในขณะที่เราได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเราสามารถรับมือกับ covid-19 ได้เป็นอย่างดี
เราสามารถรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ได้อย่างดี
เราสามารถควบคุมการระบาดของ covid 19 ได้อย่างดีเยี่ยม
แต่เราต้องคิดต่อไปว่าเราจะใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงที่เรามีนั้นได้อย่างไร
มองในแง่มุมหนึ่ง หากเราจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เช่น
-หากประเทศไทยจะเปิดเป็นศูนย์ดูแลผู้ป่วย covid ของโลก
จะมีผู้ป่วยที่มีเงินมากมาย ยินดีจะจ่ายเงินเพื่อเข้ามารับการดูแลรักษาในประเทศไทย
-หากประเทศไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
นักท่องเที่ยวต่างชาติจะไหลทะลักเข้ามาสู่ประเทศไทยเพราะไปประเทศอื่นไม่ได้
แต่หากเรารอจนวัคซีนและยารักษาถูกคิดค้นขึ้น ประโยชน์เหล่านี้จะหายไปอย่างน่าเสียดาย
คนป่วยก็จะอยู่รักษาในประเทศของเขาเอง และนักท่องเที่ยวก็จะไปได้ทุกที่ที่เขาอยากจะไป
2.) การระบาดรอบ 2 ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว
ในขณะที่ประเทศไทยกลัวการเกิดการระบาดรอบสองเราต้องยอมรับในความจริงว่าหลายๆประเทศในโลกตอนนี้ก็ได้เกิดการระบาดรอบ 2 ขึ้นแล้ว แต่ตราบใดที่เชื้อ covid19 ยังไม่เกิดการกลายพันธุ์ เราพบว่ากลุ่มประเทศที่เคยรับมือกับการระบาดรอบแรกได้ดีจะรับมือกับการระบาดรอบ 2 ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
คราวนี้เราจะมาดูว่าตอนที่ COVID กลับมาระบาดในประเทศอื่นๆ ตลาดหุ้นเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง
เท่าที่เราพบ มีอยู่ 3 ประเทศ ดังนี้ครับ
จีน:
ตลาดหุ้นลง ประมาณ -2.4% ใช้เวลาประมาณ 3วัน หลังจากนั้นกลับมาขึ้น
เกาหลีใต้:
ตลาดหุ้นลง ประมาณ -3% ใช้เวลาประมาณ 3วัน หลังจากนั้นกลับมาขึ้น
เยอรมัน:
ตลาดหุ้นลง ประมาณ -7% ใช้เวลาประมาณ 4วัน
จะเห็นได้ว่าผลกระทบจากการระบาดรอบ 2 ที่เรากลัวนั้น จริงๆแล้วไม่ได้น่ากลัว และมันคุ้มที่จะต้องเสี่ยงหากจะต้องแลกมาด้วยปากท้องความกินดีอยู่ดีของคนในประเทศ
3.) อย่าถามหาความรับผิดชอบจนไม่มีใครกล้าทำอะไร
มีกระแสมากมายที่พยายามจะบอกว่า หากมีความผิดพลาดด้านโควิคใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลายๆครั้งไม่กล้าตัดสินใจ
หากเรามองออกไปในโลก เราจะเห็นว่าประเทศที่มีผู้ป่วยโควิชมากๆเช่นสหรัฐอเมริกาหรือบราซิลผู้นำของประเทศก็ไม่จำเป็นต้องลาออกแสดงความรับผิดชอบใดๆ
จีน เกาหลีใต้ เยอรมัน เวียดนาม มีการระบาดรอบ 2 ผู้นำก็ไม่เห็นจะต้องรับผิดชอบตรงไหน
และสุดท้ายหากเราจ้องจะโยนความรับผิดชอบให้กัน จนประเทศไปไหนไม่ได้ เราทุกคนต้องเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ดี
ดังนั้นในมุมมองแนวคิดของ Panda investor เราขอสรุปว่า
1)) จากเดิมที่เรามีมุมมองเป็นบวกด้านการลงทุนในหุ้น จากความสามารถในการรับมือกับ covid-19 ของรไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา
เราเห็นว่าหากยังไม่มีการผ่อนคลายมาตรการอย่างมากพอภายในท้ายไตรมาสที่ 3 ถึง ต้นไตรมาสที่ 4 เราจะกลับมุมมองเป็นลบในด้านการลงทุนในหุ้นของไทย
2)) เราคิดว่า แทนที่จะตั้งการ์ดสูงจนไม่มีการระบาดรอบ 2 ในประเทศ
เราคิดว่าตลาดหุ้นจะตอบสนองในเชิงบวกในระยะกลางมากกว่า หากเราผ่อนคลายมาตรการควบคุม และมีการระบาดรอบ 2 แล้วสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลาอันสั้น
Panda Investor
https://www.facebook.com/PandaInvestorTH/posts/2702518516691639
02/08/2563