-
ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นทำลายสถิติสูงสุดได้อีกครั้งเนื่องจากจีดีพีทำให้ตัวเลขที่คาดการณ์ทางเศรษฐกิจสูงขึ้น
-
ดัชนีทั้งสองตัวยังมีข้อมูลทางเทคนิคที่ไม่แข็งแรงเท่าใดนัก
-
ดอลลาร์ขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบสองปี
ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้มีแนวโน้มว่าจะเปิดตลาดได้สูงขึ้นกว่าเดิมในช่วงก่อนที่จะมีการประชุมครั้งสำคัญของธนาคารกลาง แม้ว่าข้อมูลทางเทคนิคจะยังอ่อน แต่นักลงทุนก็ยังคงตื่นเต้นและเฝ้ารอแต่ข่าวดีโดยไม่สนใจข่าวในด้านลบที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เลย จึงอาจเป็นสัญญาณว่าตลาดจะปรับตัวสูงขึ้นได้
ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลได้อีกครั้งในวันศุกร์ นำโดยหุ้นของ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ซึ่งมี ผลประกอบการ ที่ดี ประกอบกับมีตัวเลข จีดีพี ของสหรัฐฯ มาช่วยหนุน ไม่เพียงแต่ตัวเลขจีดีพีที่มีสัญญาณของการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น แต่นักลงทุนยังมีกำลังใจจากการคาดหวังว่าเฟดจะ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลงในวันพุธซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้เพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์ในช่วงที่กำลังเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกในขณะนี้
การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสที่ 2 เริ่มซาลงเนื่องจากการลงทุนด้านการค้าและธุรกิจยังเติบโตได้ไม่ดีนัก แต่ก็ยังเกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์เอาไว้อยู่ แม้ว่าตัวเลขในภาคการผลิตจะเกิดการชะลอตัวลงในช่วงเวลาสั้นๆ ภาคบริการก็ยังคงทรงตัวอยู่ได้ ซึ่งเมื่อมองในภาพรวมยังถือว่าสภาพการณ์ของผู้บริโภคยังคงดีและมีแนวโน้มว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะยังดำเนินต่อไปได้ แต่นักลงทุนยังไม่เชื่อว่าข้อมูลในเชิงบวกดังกล่าวจะเพียงพอให้ไม่ต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อได้เนื่องจากมีข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดีและมีการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย มาช่วยสนับสนุน
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.74% โดยทุกกลุ่มสามารถปรับตัวไปอยู่ในแดนบวกได้ ยกเว้นกลุ่ม พลังงาน (-0.51%) และกลุ่ม อุตสาหกรรม (-0.22%) ส่วนหุ้นในกลุ่ม บริการโทรคมนาคม (+2.86%) ปรับตัวสูงขึ้นมากโดยมี Alphabet เป็นผู้ทำผลงานได้ดีที่สุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์ได้ 1.65% โดยทุกกลุ่มสามารถปรับตัวไปอยู่ในแดนบวกได้ ยกเว้นกลุ่มสาธารณูปโภค (-0.65%) และกลุ่มพลังงาน (-0.49%) กลุ่มบริการโทรคมนาคม (4.3%) ก็ยังมี Alphabet และ Facebook แซงหน้าเอาชนะ Amazon (NASDAQ:AMZN) ไปได้หลังจากที่หุ้นดังกล่าวปรับตัวลดลงหลังประกาศ ผลประกอบการ ออกมา
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลทางเทคนิค เมื่อดัชนีขึ้นไปปิดเหนือการกลับตัวของ evening star ได้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ราคาไปปิดต่ำกว่ากรอบราคาแบบอ้าออกที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 MACD และ RSI ส่งสัญญาณ negative divergence รวมทั้ง RSI ก็เตรียมทำรูปแบบ H&S top
ดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ เริ่มกลับมาสะสมตัวเนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่องกันเป็นวันที่หกจนสามารถขึ้นไปยืนในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2017 เป็นต้นมาได้ และในช่วงเวลาเดียวกันเงินยูโรก็อ่อนตัวลงมากที่สุดด้วยเหมือนกัน เป็นที่คาดกันในบรรดานักลงทุนว่าธนาคารกลางยุโรปและเยอรมนีจะต้องเริ่มนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาใช้เพื่อแก้ปัญหาตัวเลขในภาคอุตสาหกรรมที่ตกต่ำมาหลายปีอย่างแน่นอน
เงินปอนด์ยังปรับลดลงเนื่องจากชัยชนะของนายบอริส จอห์นสันนั้นก็มีค่าไม่ต่างกันกับการที่อังกฤษต้องออกจากสหภาพยุโรปนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีความไม่แน่นอนยังอาจเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งใหม่อีกด้วย เสียงของฝั่งอนุรักษ์นิยมเริ่มลดน้อยลงจนอาจจะเหลือเพียงหนึ่งเดียวในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ก็ได้
ทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงอ่อนตัวเนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และก็ได้ลงไปทำรูปแบบ bottom ในรอบ 5 ปีได้ การที่ราคาลงไปทำรูปแบบ bottom ชี้ให้เห็นว่าการฟื้นตัวที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะสอดคล้องกับการที่ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดพอดิบพอดี หรืออีกกรณีก็คือดอลลาร์และทองคำต่างก็ฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งในปี 2016 นั่นเอง