No upside for SET at this level
SET: คาด SET Index วันนี้แกว่งตัวในแดนลบ หลังนักลงทุนเริ่มลดทอนความคาดหวังต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีที่มาส่วนหนึ่งมาจากรายงานการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ที่ออกมาสูงกว่าคาด (รายละเอียดด้านล่าง)ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ปลอดภัยเช่น เงินเยนญี่ปุ่น พันธบัตรสหรัฐฯ รวมถึงทองคำปรับตัวสูงขึ้นโดยสำหรับทองคำนั้น ยังคงมุมมองเดิมต่อจากวันพุธที่ผ่านมาว่า ตราบใดที่ราคา Spot ยังปรับตัวขึ้นไม่ถึงระดับ 2,150 เหรียญฯ/ออนซ์ จะยังไม่ถือว่าสินทรัพย์นี้เข้าสู่ภาวะ ‘ฟองสบู่’ แต่อย่างใด
Strategy:แนะนำชะลอการลงทุนใหม่ต่อไป หลังยังไม่เห็น Catalyst ใดๆออกมา โดยเฉพาะประมาณการ EPS ที่ยังคงมีแต่ทรงกับลงโดยหากจะต้องลงทุนจริงในช่วงนี้ ให้รอจังหวะที่ราคาหุ้นเป้าหมายมีการปรับตัวลง ค่อยใช้เป็นจังหวะในการทยอยเข้าซื้อ โดยในส่วนของกลุ่มหุ้นเป้าหมายนั้น ยังคงโฟกัสไปยังหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ยังคงมีแนวโน้ม EPS อยู่ในเกณฑ์ดี และได้อานิสงส์จากสภาพคล่องของนักลงทุน Retail ในประเทศ โดยมี Sector ที่น่าสนใจได้แก่กลุ่มบริหารหนี้ กลุ่มอาหารและเกษตร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มปั๊มน้ำมัน กลุ่มแพคเกจจิ้ง และกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์เป็นต้น
No upside: เรายังคงมีมุมมองระวัดระวังต่อการลงทุนตลาดหุ้นไทยต่อไป จากปัจจัย Valuation ที่อยู่ในระดับสูง โดยหากอิงจากประมาณการ EPS ปีหน้าของ SET ล่าสุดที่อยู่ที่ราว 80.9 บาท และนำมาคูณกับระดับ Forward PE กรณีดีสุดของเราที่ 16.8x จะได้ว่าระดับแนวต้านของดัชนีในเชิง Valuation จะอยู่ที่ 1360จุดเท่านั้น ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นรวมที่ภาวะดัชนีไม่เหลือ Upside แล้ว ย่อมนำมาซึ่งความเสี่ยง Downside risk ที่สำคัญในช่วงถัดไปได้
Put/Call: Downside risk ที่เปิดกว้างมากขึ้นนี้ สอดคล้องกับระดับสถานะคงค้างของตราสาร SET50 put option ที่ล่าสุดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากคิดเป็น Put/Call ratio ล่าสุดจะอยู่ที่ 2.4x แล้ว ถือเป็นระดับสูงสุดของรอบต่อไป ทั้งนี้ เราย้ำผลการศึกษา Empirical study อีกครั้งว่าระดับ Peak ของ Put/Call ratio นี้มักนำมาสู่การปรับฐานของ SET โดยเฉลี่ย 12% โดยมีจุดต่ำสุดของรอบหรือ Max drawdown อยู่ที่ประมาณ 4 เดือนหลังจาก Put/Call ratio ดังกล่าวทำจุดสูงสุด
Jobless claims: สหรัฐฯรายงานตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ล่าสุดที่ระดับ 1.4 ล้านราย สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.3 ล้านราย และยังถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ที่ตัวเลขดังกล่าวมีการปรับขึ้นสัปดาห์ต่อสัปดาห์ (WoW) มองปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะทางฝั่งของสหรัฐฯและน่าจะทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเลข Nonfarm payrolls ของเดือนนี้ที่จะออกมาในช่วงต้นเดือนหน้าอ่อนตัวลงจากเดือนมิถุนายนอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุดตลาดคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านตำแหน่งเท่านั้น เทียบกับเดือนมิถุนายนที่อยู่สูงถึง 4.8 ล้านตำแหน่งถือเป็นปัจจัยกดดันที่รออยู่ในช่วงครึ่งแรกของเดือนหน้า
Exports: สำหรับปัจจัยวันนี้ แนะนำติดตามรายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้าของไทยประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นการยืนยันถึงผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของหุ้นกลุ่มส่งออกหลายๆตัว
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities