ตัวเลขปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติรายสัปดาห์ที่เก็บสำรองไว้แตะเลข 3 หลักเป็นครั้งแรกของปีอาจเคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ มาก่อนแล้ว แต่ด้วยสภาพอากาศที่กลับมาหนาวเย็นอีกครั้ง ราคาจึงไม่น่าจะตกลงมากนัก
มีการคาดว่าฝ่ายบริการข้อมูลด้านพลังงานของสหรัฐฯ จะรายงานปริมาณการผลิตก๊าซของสัปดาห์ที่ผ่านมาใน รายงานปริมาณก๊าซในคลัง จำนวน 114,000 ล้าน ลบ.ฟุต ในเวลา 10:30 AM ET (14:30 GMT) วันนี้
สภาวะอากาศที่ไม่เลวร้ายยังคงรักษาภาวะตลาดขาลงต่อไป
หากยังมีปริมาณการผลิตก๊าซในระดับที่ค่อนข้างสูง มีการสำรองปริมาณมากขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ของปีนี้อาจส่งผลให้ตลาดผลักดันราคาให้ต่ำกว่าแนวรับที่ $2.50 ถ้าไม่มีปัจจัยของสภาพอากาศมาเกี่ยวข้อง
ดอมินิค คิริเชลลา ผู้อำนวยการด้านความเสี่ยงและการซื้อขายแห่งสถาบันการจัดการพลังงานแห่งนิวยอร์คกล่าวว่าความต้องการความร้อนจากก๊าซอาจทำให้ราคาขยับตัวสูงขึ้นแม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิหากอุณหภูมิเป็นไปตามที่มีการพยากรณ์ไว้
คิริเชลลากล่าวว่า
“พยากรณ์อากาศระบุว่าในแถบตะวันตกตอนกลางและภาคเหนือของประเทศจะมีอากาศที่เย็นลง ประกอบกับอากาศที่อุ่นขึ้นกว่าปกติทางตอนใต้ของสหรัฐฯ”
“เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างอากาศที่อุ่นขึ้นและเย็นลง”
คิริเชลลากล่าวว่าอากาศที่เย็นลงอาจทำให้ สัญญาแลกเปลี่ยนแบบทันทีของเดือนมิถุนายน สำหรับก๊าซธรรมชาติใน Henry Hub ของ New York Mercantile Exchange เข้าใกล้ $2.65 ต่อ 1 BTU ตรงกับค่าสูงสุดในช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา
แต่ในส่วนที่อากาศอุ่นขึ้น ราคาสัญญามาตรฐานอาจแตะ $2.48 ต่อ mmBtu ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดที่พบในวันที่ 18 เมษายน
ในช่วงวันพุธที่ผ่านมา สัญญาซื้อขายเดือนมิถุนายนของ Henry Hub ปรับตัวขึ้น 4.5 เซนต์ หรือ 1.7% ไปอยู่ที่ $2.62
กองทุนบริหารความเสี่ยงอาจลดกิจกรรมลง
สำหรับราคาก๊าซในเดือนมิถุนายน เมื่อพิจารณาปัจจัยด้านเทคนิครายวัน Investing.com แนะนำให้ “ซื้อทันที” โดยให้เล็งราคาสูงสุดไว้ที่ $2.69 หากเป็นไปตามที่คาด ราคาก๊าซจะเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 3%
อย่างไรก็ตาม สก็อต เชลตัน โบรกเกอร์สัญญาซื้อขายพลังงานล่วงหน้าของ ICAP (LON:NXGN) ในเมืองเดอรัม รัฐนอร์ทแคโรไลนา คาดว่าจะยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จากกองทุนบริหารความเสี่ยงหรือที่ปรึกษาการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงตลาดขาลง
เชลตันกล่าวว่า
“ตลาดยังคงที่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก”
“มันแปลกมาก แต่ผมคิดว่าการขยายตัวนี้เป็นไปตามสิ่งที่ ‘จำเป็นต้องทำ’ มากกว่าหลักการพื้นฐาน พวกเขาจะต้องอัดฉีดก๊าซภายในฤดูร้อนนี้และจะไม่มีการถือเงินสดไว้ที่ฮับในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นพวกเขาจึงซื้อในเดือนมิถุนายนและขายในช่วงที่จะอัดฉีด ส่วนที่ปรึกษาการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ก็อาจมีทุนไม่เพียงพอ”
เนื่องจากความต้องการความร้อนในช่วงฤดูหนาวจะพุ่งขึ้นสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ Henry Hub จึงตกลงไป 36% ในเดือนธันวาคมและยังตกอย่างต่อเนื่องไปอีกในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา รวมแล้วลดลงไปเฉพาะในปีนี้ 11%
อุณหภูมิในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มสูงกว่าปกติ จึงทำให้ค่าองศาที่ต้องใช้ทำความร้อน (HDDs) มีค่าเพียง 41 เมื่อเทียบกับค่าปกติขององศาที่ต้องใช้ทำความร้อนตลอด 30 ปีที่ผ่านมาที่ 61 HDDs ในช่วงเวลาเดียวกัน
ค่า HDDs คือการวัดอุณหภูมิที่ใช้ทำความร้อนเมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 65 ฟาเรนไฮต์ (18 องศาเซลเซียส) และใช้เพื่อวัดปริมาณความต้องการใช้ความร้อนสำหรับบ้านเรือนและองค์กรธุรกิจ
ปริมาณการผลิตในครั้งต่อไปจะลดลงก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
การที่อากาศอบอุ่นขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วเป็นช่วงที่มีตัวเลขปริมาณการสำรองประจำฤดูกาลนี้ถึง 3 หลัก การอัดฉีดในสัปดาห์นี้น่าจะน้อยลงอย่างมาก จากโพลของรอยเตอร์คาดกว่าจะมีการเพิ่มปริมาณอีก 76,000-96,000 ล้าน ลบ.ฟุต หรือเฉลี่ย 86,000 ล้าน ลบ.ฟุต
แดน ไมเยอร์ส นักวิเคราะห์ด้านก๊าซแห่ง Gelber & Associates รัฐฮูสตันเห็นด้วยกับเชลตันในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและปริมาณการจัดเก็บจะเป็นตัวบอกให้นักลงทุนไม่ต้องดำเนินการใดๆ มากนัก
ไมเยอร์ส์กล่าวว่า
“ความต้องการที่มีมากขึ้นในสัปดาห์นี้จะควบคุมปริมาณการอัดฉีดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีตโดยคาดการณ์ว่าน่าจะผลิตอยู่ที่ 76,000 ล้าน ลบ.ฟุต”
“แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่ได้เลวร้ายมากและการผลิตที่สูงขึ้นในเดือนพฤษภาคมอาจทำให้การอัดฉีดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับตัวเลข 3 หลักได้”