ตลาดการเงินในสหรัฐฯ ลดความผันผวนลง และกำลังเข้ากรอบความ คาดหวังเดิมที่วางไว้ ทั้งนี้ถูกสะท้อนผ่านตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ซึ่ง ออกมาที่ 2.6% ตามคาด และถูกคาดหมายว่าจะปรับลดลงได้ต่อเนื่อง ผลดังกล่าวทำให้FEDWATCH TOOL กลับมาให้ความน่าจะเป็นที่FED จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุม 18 ธ.ค.67 มาอยู่ที่ 4.5% ซึ่งก็ดึงให้ BOND YIELD 10 ปีกลับมาอยู่ที่ใกล้เคียงดอกเบี้ย นโยบาย ในส่วนของบ้านเราวันนี้ความสนใจอยู่ที่แนวทางในการกระตุ้น เศรษฐกิจ ซึ่งให้น้ำหนักไปที่การใช้มาตรการทางการคลัง โดยที่จะมีการ ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 19 พ.ย.67 (18 พ.ย. ประกาศตัวเลข GDP งวด 3Q67) สำหรับภาพตลาดหุ้นมองว่ายังขาด ปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ตามระดับความผันผวนก็น่าจะลดลง มองภาพ SET INDEX ยังอยู่ในภาวะที่ขาดแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐาน ใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ตามก็เชื่อว่าระดับความผันผวนก็น่าจะลดลง วันนี้คาด กรอบ 1446 –1463 จุด TOP PICK เลือก CK, CRC และ MAJOR
เปิดทาง FED ลดดอกเบี้ยมากขึ้น หลังเงินเฟ้อแนวโน้มชะลอ วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับทรงตัวในกรอบแคบราว -0.2% ถึง +0.1% หลังดัชนีCPI ในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 2.6%YOY เท่ากับตลาดคาด ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (CORE CPI) ปรับตัวขึ้น 3.3%YOY เท่ากับตลาดคาดเช่นกัน ขณะที่ทาง BLOOMBERG CONSENSUS คาดการณ์ทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯในไตรมาสถัดๆไป มีโอกาสลดลง โดย 4Q24F อยู่ที่ 2.5%YOY และ1Q25F อยู่ที่ 2.2%YOY ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสามารถ คลายความกังวลของนโยบายต่างๆ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงไปได้บ้าง
ล่าสุด FEDWATCH TOOL ของ CME GROUP บ่งชี้ว่า หลังการเปิดเผยดัชนี CPI คืน ที่ผ่านมา นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 81% ที่FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค.67 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่ให้น้ำหนักเพียง 59% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่าน มา และมีโอกาสทยอยลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2568 โดยคาด ณ สิ้น ปี 2568 ดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะอยู่ระดับ 4.00% ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้เงินบาทมีโอกาสเริ่มชะลอการอ่อนค่า ตามการปรับลด ดอกเบี้ยของ FED ซึ่งตามกลไลจะหนุนให้ FLOW ต่างชาติมีโอกาสชะลอการไหลออก จากบ้านเราอยู่บ้าง จึงน่าจะหนุนให้ SET INDEX ทรงตัวในกรอบแคบ และมีโอกาสดีด ตัวขึ้นในวันนี้ กรอบวันนี้ 1446-1460/1463จุด
เศรษฐกิจไทยจำเป็นให้ยาแรงกระตุ้น เพื่อดัน GDP โตตามเป้าฯ เศรษฐกิจไทยใน 1H67 ขยายตัว +1.9%YOY ทำให้ 2H67 ต้องเร่งตัวขึ้นอย่างน้อย +3.5%YOY เพื่อหนุนให้ทั้งปี 2567 เติบโต +2.7%YOY และถ้าในกรณีที่ GDP GROWT ไทยใน 3Q67 ขยายตัวได้ไม่สูงมาก คาดส่งผลให้งวด 4Q67 ต้องมี มาตรการกระตุ้นที่เร็วและแรง โดยในวันที่ 19 พ.ย. 67 รัฐบาลจะมีการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก ถก แนวทางดัน GDP โตเกิน 3% คาดมีพิจารณาในประเด็นต่างๆ อาท
• มาตราการ ระยะสั้น-กลาง-ยาว
• โครงการของขวัญปีใหม่คนไทย
• หารือแนวทางโครงการเติมเงิน 10,000 บาท เฟส 2 (รัฐบาลยังเหลือวงเงิน ตุนไว้สำหรับโครงการฯ ราว 3.05 แสน ลบ. หลังแจกเงินในเฟส 1 ไปแล้วราว 1.45 แสน ลบ.)
• รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน หลังเข้าไปช่วย ปรับโครงสร้างหนี้เก่า เช่น การให้จ่ายหนี้ลดลง การยืดหนี้ รวมถึงการ ผลักดันให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อให้มากขึ้น
นอกจากนี้ในแง่มุมของการก่อหนี้สาธารณะปัจจุบัน มีอยู่ราว 12 ล้าน ลบ. (63.3% ต่อ GDP) โดยรัฐบาลจะควบคุมให้ไม่เกิน 70% ต่อ GDP ซึ่งคาดว่าจะก่อหนี้ได้อีกราว 3 ล้านลบ. ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า และเพื่อรักษากรอบวินัยการเงินการคลัง ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นเรื่อง จำเป็นอย่างมาก โดยรัฐบาลกำลังเดินหน้าผลักดันลงทุนเพิ่มรายได้ระยะยาว หนุน เจรจา OCA ลดต้นทุนพลังงาน และดึงลงทุน ENTERTAINMENT COMPLEX เพิ่ม รายได้ท่องเที่ยว
สรุป การผลักดันให้ GDP GRWOTH ไทย โตได้ตามเป้าหมาย การมีมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ 4Q67 ต้องมีมาตรการกระตุ้น ที่เร็วและแรง ซึ่งน่าจะหนีไม่พ้นเรื่องเร่งการบริโภคและการให้จ่ายภาครัฐ ฝ่ายวิจัยฯ มองเป็นบวกต่อหุ้น CRC CPALL (BK:CPALL) BJC CBG CK STECON TASCO SCC MTC SAWAD TIDLOR เป็นต้น
หุ้นรายตัวลงหนัก...กว่าดัชนีที่เห็นว่าย่อตัวเล็กน้อย แม้ 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะย่อตัวเล็กน้อย โดย SET INDEX -1.27% และ SET100 -0.81% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาออกเป็นรายบริษัท พบว่า ผลตอบแทน 1 เดือนของหุ้นใน SET100 ทุกบริษัท เฉลี่ยปรับตัวลงหนักถึง -6.7% และมีหุ้นลงหนักกว่า SET100 INDEX ที่ -0.81% ถึง 79 บริษัท จากทั้งหมด 100 บริษัท โดยมีหุ้นที่ RSI เข้าเขต OVERSOLD (ในมุมเทคนิค คือ หุ้นที่ย่อตัวลงมาลึกมากในช่วงเวลาไม่นาน) ถึง 18 บริษัท
แสดงให้เห็นว่า การขึ้นของดัชนีเป็นการถูกผลักดันที่กระจุกตัวจากบางบริษัทเท่านั้น อย่าง ในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา DELTA +39% (หนุน SET 52 จุด, 3.54%), TRUE +5.26% (หนุน SET 2.3จุด, 0.15%), ADVANC +5.15% (หนุน SET 3.8จุด, 0.26%) เป็นต้น มีหุ้นหลายบริษัทที่ลงแรงและลึกมากกว่าปกติ กลยุทธ์แนะนำ ค่อยๆ ทยอยสะสมหุ้น พื้นฐานดีย่อตัวลงมาลึก CKP, BH, BGRIM, LH, BCP, AP, KCE, SCC, MINT หรือ เก็งกำไรหุ้นที่เริ่มฟื้นขึ้นมาแรง SJWD, TIDLOR, PLANB, BDMS, CK, SPALI
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities